ครบรอบ 3 ปีก่อตั้ง “ทิสโก้ Mid/Small Cap” ผลตอบแทนสูง 43%

20 ก.ค. 2559 | 09:40 น.
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นวันครบรอบการก่อตั้ง กองทุนเปิด ทิสโก้ Mid/Small Cap อิควิตี้ (TISCO Mid/Small Cap Equity : TISCOMS) ซึ่งเป็นกองทุนเปิดของ บลจ. ทิสโก้ที่สร้างผลงานน่าภาคภูมิใจ โดยนับตั้งแต่ก่อตั้ง กองทุนดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนสูงถึง 43.89% ขณะที่ SET Index ให้ผลตอบแทนที่ 5.76% เท่านั้น จึงถือเป็นกองทุนที่สามารถเอาชนะตลาดได้อย่างงดงาม ขณะที่ผลตอบแทนในช่วงอื่นๆ ของปีก็ไม่น้อยหน้า โดยผลตอบแทน TISCOMS ช่วง1 ปี 6 เดือน และ3  เดือนย้อนหลัง ตามข้อมูลของ Morningstar ณ วันที่ 11 ก.ค. 59 อยู่ที่  3.01% 6.08% และ 5.86% ตามลำดับ ขณะที่ผลตอบแทน SET Index ในช่วงเดียวกันอยู่ที่ -1.11% 18.95% และ 7.19% ตามลำดับ  ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

“TISCOMS ถือเป็นกองทุนที่มีการบริหารเชิงรุก (Active Fund) ไม่เน้นการอ้างอิงผลตอบแทนกับ SET Index แต่เน้นกระบวนการเฟ้นหาหุ้นขนาดไม่ใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโตและทำกำไร โดยคัดสรรจากบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็กในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งมีอยู่ประมาณ 518 บริษัท และในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอที่มีอยู่ประมาณ 100 บริษัท ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพประมาณ 40-50 บริษัท โดยทีมผู้จัดการกองทุนของ บลจ. ทิสโก้ ต้องทำการบ้านอย่างหนัก ทั้งการไปเยี่ยมชมกิจการ พูดคุยกับผู้บริหาร รวมถึงการวิเคราะห์เชิงลึกให้มากขึ้น เพื่อทำบทวิเคราะห์หุ้นเป็นรายตัว หามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นก่อนเข้าลงทุน แล้วจึงคัดสรรหุ้นมาเข้าพอร์ต TISCOMS ประมาณ 15-20 ตัว” นายสาห์รัช กล่าว

นอกจากนี้ หลังกรณี Brexit จะมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย ทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่มีเวลา แนะนำให้ลงทุนแบบเลือกหุ้นรายตัว (Selective) แต่สำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาในการติดตามความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นด้วยตนเองแนะนำการลงทุนใน TISCOMS ที่มีผู้จัดการกองทุนช่วยคัดสรรหุ้นที่มีศักยภาพให้ ถือว่าเป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์สถานการณ์ในปัจจุบัน

กองทุนเปิด ทิสโก้ Mid/Small Cap อิควิตี้ มีนโยบายลงทุนในบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็กในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท  ไม่กำหนดอายุโครงการและซื้อขายได้ทุกวันทำการ มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท