ททท.ชงขอนแก่นโมเดล ปั้นเมืองต้นแบบท่องเที่ยวอีสาน 5 ล้านคนปี 60

24 ก.ค. 2559 | 03:00 น.
ททท.ชู "ขอนแก่น โมเดล" ยกระดับสู่เมืองหลักด้านการท่องเที่ยว วางเป้าขยับหัวทัวริสต์เพิ่มเป็น 5 ล้านคนต่อปี ในปี 60 โฟกัสดึงไมซ์-อีเวนต์ ประเดิมประชุมสภาท่องเที่ยวโลกเข้าพื้นที่ โดยวางหมากจุดขายเชื่อมโยงอนุภูมิภาคลุ่มนํ้าโขง รับลูกการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ใหม่รัฐและเอกชน มูลค่าไม่ตํ่ากว่า 3.95 หมื่นล้านบาท ทั้งศูนย์ประชุมกลุ่มซีพีแลนด์ แผนขยายสนามบิน รถไฟทางคู่ และระบบขนส่งมวลชนรางเบา

[caption id="attachment_74174" align="aligncenter" width="700"] สถานการณ์ท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่น สถานการณ์ท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่น[/caption]

การที่จังหวัดขอนแก่นกำลังมีแผนการลงทุน พัฒนาเมืองครั้งใหญ่ เพื่อก้าวไปสู่สมาร์ทซิตี้ ทั้งด้านการศึกษา การแพทย์ โครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และระบบขนส่งรถไฟฟ้ามวลเบาในตัวเมือง ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงเห็นศักยภาพที่จะยกระดับขอนแก่นให้เป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยว ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่ามีนโยบายที่จะผลักดันการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของจังหวัดขอนแก่น ให้ก้าวขึ้นเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศไทยโดยมีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือน(นักท่องเที่ยวที่มาพักค้างคืนและนักทัศนาจร)จากปัจจุบันที่มีจำนวน 3.8 ล้านคนต่อปีเพิ่มให้เป็นไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2560 หรือเพิ่มอีก 1.2 ล้านคนภายใต้กลยุทธ์"ขอนแก่น โมเดล"

จุดพลุ นิวบีซคอนเนกต์

เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพการพัฒนาในเชิงพื้นที่ของจังหวัดขอนแก่น โดยเฉพาะการเชื่อมโยงโครงข่ายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีโครงการสำคัญหลายโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้น และเอื้อประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวและการเข้าถึงพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าของภาคเอกชนที่จะเปิดให้บริการในช่วงปลายปีหน้า แผนการขยายศักยภาพท่าอากาศยานขอนแก่น การลงทุนโครงข่ายด้านคมนาคม ทำให้ขอนแก่นมีความโดดเด่นที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งยังเป็นเมืองที่เชื่อมโยงกับกลุ่มอนุภาคลุ่มน้ำโขง ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การผลักดันการท่องเที่ยวเชื่อมโยงได้เป็นอย่างดี

ผู้ว่าการ ททท.ยังกล่าวอีกว่า การผลักดัน ขอนแก่น โมเดลจะเน้นแนวทางการดำเนินการที่เรียกว่า "New Biz Connect" เพราะด้วยสภาพภูมิศาสตร์ทำให้มีสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่จะเป็นจุดขายดึงดูดได้ไม่มาก ทำให้ททท.ต้องมุ่งสร้างและเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆเข้าสู่พื้นที่ ซึ่งสิ่งที่จะเริ่มดำเนินการได้ทันที คือ การดึงการจัดประชุม สัมมนา และกิจกรรมระดับนานาชาติให้เข้าไปจัดที่ขอนแก่นเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับในอนาคตที่เมืองแห่งนี้กำลังจะมีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่เปิดให้บริการ

ดันสภาท่องเที่ยวโลกประชุม

โดยอาจจะเริ่มจากการดึงกิจกรรมบางงานของการจัดประชุม"2017 WTTC Annual Global Summit" ซึ่งเป็นงานประชุมประจำปีของสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก(World Travel & Tourism Council –WTTC) ในเดือนเมษายน 2560 ที่กรุงเทพฯเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม ดึงบางกิจกรรมหรืออีเวนต์พรี-โพสต์ทัวร์ ไปยังขอนแก่น รวมถึงอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าอาจจะดึงให้เกิดการจัดงานThailand Travel Mart Plus Amazing Gateway to the Greater Mekong Subregionหรือ TTM+ในปีหน้าที่ขอนแก่น เป็นต้น

นอกจากนี้ยังจะส่งเสริมให้มีการเปิดเส้นทางบินตรงจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งได้มอบหมายให้ทางสำนักงานททท. โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ไปประสานกับทางสายการบินเวียดเจ็ท ถึงความเป็นไปได้ในการเปิดเส้นทางบินฮานอย หรือโฮจิมินห์ เข้าสู่ขอนแก่น โดยชูจุดขายการท่องเที่ยวขอนแก่น เชื่อมโยงกับจังหวัดใกล้เคียงอย่างมุกดาหาร นครพนม

"ปัจจุบันเมืองท่องเที่ยวหลักของไทยที่มีการเดินทางท่องเที่ยวเกิน 5 ล้านคน ล้วนเป็นเมืองท่องเที่ยวเดิม คือ กรุงเทพฯ,พัทยา,ภูเก็ต,สมุย,เชียงใหม่ แต่ขอนแก่น โมเดล จะเป็นรูปแบบของการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเชิงพื้นที่ ที่มีโอกาสพัฒนาให้เป็นจุดขายใหม่ของเมืองท่องเที่ยวหลักของไทยได้ จากพื้นฐานการพัฒนาศักยภาพในพื้นที่ ซึ่งมีแผนการยกระดับการให้บริการทั้งในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบกและทางอากาศ ทั้งยังเมืองที่โดดเด่นเรื่องของการศึกษา และมีสถานพยาบาล โรงพยาบาลชั้นนำ ที่มีโอกาสพัฒนาให้ขอนแก่นเป็นศูนย์กลางด้านเฮลธ์แอนด์เวลเนส ของอาเซียนได้ โดยททท.จะส่งเสริมให้คนจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาเยือนขอนแก่นได้ โดยชู เรื่องของการศึกษา และการรักษาพยาบาล"นายยุทธศักดิ์ กล่าว

"ทีเส็บ"ยกเป็น1ใน5 ไมซ์ซิตี

ด้านนายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เผยว่า จังหวัดขอนแก่น เป็น 1 ใน 5 เมืองไมซ์ซิตีหลักของประเทศไทย ที่ทีเส็บให้ความสำคัญ เช่นเดียวกับอีก 4 เมือง คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา โดย ทีเส็บ มีนโยบายขับเคลื่อนตามแผนแม่บทขอนแก่นไมซ์ซิตี (พ.ศ.2557-2561) เพื่อผลักดันให้ขอนแก่นเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและการแสดงสินค้าที่สร้างโอกาสทางธุรกิจในระดับอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

โดยจะดำเนินการภายใต้ 5 แผนยุทธศาสตร์หลัก คือ 1. ผลักดันให้มีการจัดงานไมซ์ในจังหวัดอย่างต่อเนื่อง 2. ยกระดับมาตรฐานบริการสู่ระดับสากล 3. สร้างเครือข่ายความร่วมมือในประเทศและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 4. ส่งเสริมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวก และ 5. สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน เพื่อนำไปสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจไมซ์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงผ่านการสร้างแบรนด์ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการในระยะที่ 1 ไปแล้ว คือ มุ่งเน้นการสร้างความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ สร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับท้องถิ่น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในระยะที่ 2 (พ.ศ.2559-2560) ซึ่งจะขยายกรอบการทำงานเพิ่มความมั่นใจในการเป็นศูนย์กลางไมซ์ ส่งเสริมการจัดงานระดับเมกะโปรเจ็กต์ และความร่วมมือระหว่างประเทศมากขึ้น เพื่อพัฒนาขอนแก่นไปสู่เมืองไมซ์ซิตีที่เข้มแข็งและยั่งยืน

ลุยเมกะโปรเจ็กต์ 3.95หมื่นล.

แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงคมนาคม เผยว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดขอนแก่น สำหรับโครงการหลัก ที่กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ และแผนการพัฒนาในอนาคต จะมีทั้งหมด 5 โครงการหลัก เป็นโครงการลงทุนของภาครัฐและเอกชนกว่า 3.95 หมื่นล้านบาท ได้แก่ 1. การพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง ซึ่งเป็นโครงการรถไฟทางคู่ขนาด 1 เมตร อาทิ รถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางจิระ - ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร งบประมาณ 2.34 หมื่นล้านบาท เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 รถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น - หนองคาย ระยะทาง 172 กิโลเมตร อยู่ในระหว่างการออกแบบ และจัดทำรายงาน EIA โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ - นครพนม ระยะทาง 355 กิโลเมตร ศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด พร้อมจัดทำเอกสารประกวดราคาแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างปรับปรุงรายงาน EIA

2. โครงการขอนแก่นSmart City (เฟส1)ระบบขนส่งมวลชนรางเบา ที่จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 5 แห่ง มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ กลุ่มขอนแก่นพัฒนาเมือง KKTT ได้เสนอขออนุมัติการก่อสร้างรถไฟฟ้ามวลเบา สาย เหนือ - ใต้ ระยะทาง 26 กิโลเมตร (สายสำราญ-ท่าพระ) วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ใช้พื้นที่เกาะกลางถนนและไหล่ทางถนนมิตรภาพ จากตำบลสำราญ ถึงตำบลท่าพระ โดยการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาจังหวัดอย่างยั่งยืน โครงการนี้ได้รับอนุมัติในหลักการจากคสช. ซึ่งจะมี 18 สถานี มี 15 ขบวน ขบวนละ 3 ตู้ บรรจุผู้โดยสารได้ 180 คน คาดเสร็จปลายปี 2562 ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดประกอบการเสนอหน่วยงานส่วนกลางที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมนำเสนอขออนุมัติจากครม.

3.การขยายโครงข่ายถนน อาทิ ถนนกัลปพฤกษ์ ระยะที่ 3 (ศรีจันทร์ – เหล่านาดี) กรมทางหลวงชนบท ทบทวนการออกแบบแนวทางการก่อสร้างใหม่ ถนนผังเมือง ข.5 (หน้า ร.พ.ศรีนครินทร์ –ร.พ.ค่ายศรีพัชรินทร) กรมทางหลวงชนบทและบรรจุเข้าแผนงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางรถไฟ บริเวณจุดตัดทางรถไฟบ้านหนองไผ่ งบประมาณ 411ล้านบาท แล้วเสร็จในปี 2560 ฯลฯ

ขยายสนามบินรับ 1.5 ล้านคนต่อปี

4. แผนการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น ซึ่งมองการขยายผู้โดยสารเพิ่มจาก1.5 ล้านคนต่อปี เป็น 4-5 ล้านคนต่อปี โดยในขณะนี้ทางกระทรวงคมนาคม ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการศึกษาออกแบบ ซึ่งตามแผนจะเป็นการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 2,100 ล้านบาท คาดว่าจะนำเสนอครม.บรรจุงบประมาณได้ในปี2561 เพื่อให้ก่อสร้างแล้วเสร็จปี2563

5.โครงการศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าขอนแก่น ขนาดพื้นที่ 4.35 หมื่นตร.ม. ห้องมีอเนกประสงค์ 2 ห้อง 7,500 ตร.ม.ห้องประชุม 1-7 พื้นที่ 1,000 ตร.ม. ลานจอดรถยนต์ 480 คัน ดำเนินการลงทุนโดยบริษัท ซีพี แลนด์ จำกัด (มหาชน) มูลค่าการลงทุนราว 2,000 ล้านบาท แล้วเสร็จเดือนธันวาคม 2560

ซีพี แลนด์เปิดศูนย์ประชุมQ4 /60

นายสมเกียรติ เรือนทองดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีพี แลนด์ จำกัด (มหาชน) เผยถึงโครงการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า ขอนแก่น ว่าจากแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทำให้จังหวัดขอนแก่นเปรียบเหมือนเมืองหลวงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อีกทั้ง ทีเส็บได้ส่งเสริมให้ขอนแก่นเป็นศูนย์ประชุม(ไมซ์ซิตี)อันดับที่ 5 ของประเทศ ดังนั้น ซีพีแลนด์ จึงได้ลงทุนสร้างศูนย์ประชุมฯ ขึ้นมารองรับการเป็นไมซ์ซิตี รองรับการจัดประชุมและแสดงสินค้าในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือและต่อเนื่องถึงประเทศเพื่อนบ้าน

โดยโครงการนี้มีพื้นที่ 26 ไร่ สามารถรองรับคนได้สูงสุดถึง 8,000 คน งบลงทุนเกือบ 2,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 16 เดือน จะทดลองบริการในไตรมาสสุดท้ายปี 2560 และเปิดเต็มรูปแบบในปี 2561

"ในระยะ 5 ปีข้างหน้าขอนแก่นจะต้องเป็นศูนย์รวมของอนุภาคลุ่มน้ำโขงรวมทั้งประเทศไทย ที่จะจัดงานประชุมขนาดใหญ่นอกเหนือจากกรุงเทพฯ โครงการของเราสามารถตอบโจทย์ภาครัฐในการส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีซึ่งเป็นฐานธุรกิจของประเทศ ให้มีเวทีในการจัดแสดงสินค้ารวมถึงการจัดฟอรัมต่างๆ ด้วย" นายสมเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย

ดีเดย์รถไฟฟ้ารางเบากลางปีหน้า

นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย ที่ปรึกษา บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด (เคเคทีที) เผยว่า ขณะนี้โครงการ ขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบา มีความคืบหน้าไปมาก โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้กลางปี 2560 หลังจากการทำประชาวิจารณ์ จากภาคประชาชนมีเสียงเห็นด้วยถึง 82 % อีกทั้งโครงการนี้ไม่ได้รอเงินงบประมาณจากรัฐบาลแต่จะเป็นการระดมเงินลงทุนโดยภาคเอกชนนักธุรกิจในท้องถิ่น และมีการระดมทุนเบื้องต้นแล้ว 200 ล้านบาท ถ้าเริ่มลงมือก่อสร้างก็สามารถระดมทุนผ่านเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ ได้

นอกจากนี้ทางจังหวัดยังมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาประสานมี 38 หน่วยงานเข้าร่วมโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อผลักดันให้โครงการเดินทางโดยได้มีการหารือกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมเช่นกาขอใช้พื้นที่ของรัฐ 200 ไร่ในการตั้งสถานีซ่อมบำรุง กรมทางหลวงในการของใช้เขตทาง หารือกับการไฟฟ้าภูมิภาคเพื่อเตรียมเรื่องกระแสไฟไว้รองรับ และเริ่มมีความเคลื่อนไหว จากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในท้องถิ่นและส่วนกลางเริ่มเข้าสำรวจสถานีรถไฟฟ้าเพื่อเตรียมพัฒนาโครงการ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,176 วันที่ 21 - 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559