สั่งยึดที่ยาสูบลุยเขตเศรษฐกิจยุบทิ้งเชียงแสน ลั่นผลดีประเทศดันแม่สาย-ทุ่งงิ้วไปต่อ

21 ก.ค. 2559 | 05:00 น.
“อนุพงษ์” นั่งหัวโต๊ะบอร์ดอนุฯจัดหาที่ดินรัฐทุบเปรี้ยงสั่งลุยเจรจาขอใช้ที่ดินโรงงานยาสูบปั้นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สายต่อไประบุอนาคตประเทศได้ประโยชน์พ่อเมืองเชียงราย มั่นใจเจรจาโรงงานยาสูบต้องจบ หลังธนารักษ์ถอดใจ เอ็นจีโอ-ชาวบ้านต้านหนัก เหตุเป็นแหล่งผลิตใบยาสูบชั้นดี หันยุบเชียงแสนปมออกส.ป.ก.4-01แล้วขณะที่แม่สอดเคลียร์บุกรุกจบส.ค.นี้ -สะเดาไร้อนาคต เดินหน้าชงบิ๊กตู่เร็วๆ นี้

[caption id="attachment_73182" align="aligncenter" width="700"] เขตเศรษฐกิจที่ดินรัฐที่มีปัญหามากสุดและแนวทางแก้ปัญหา เขตเศรษฐกิจที่ดินรัฐที่มีปัญหามากสุดและแนวทางแก้ปัญหา[/caption]

นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ได้เสนอต่อคณะอนุกรรมการด้านการจัดการหาที่ดินและบริหารจัดการที่มีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.1) เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมาว่า จังหวัดยืนยันเดินหน้าเจรจากับโรงงานยาสูบและชาวบ้านที่เช่าที่ดินปลูกใบยาต่อเนื่องเพื่อขอใช้ที่ดินแปลงติดกับถนนพหลโยธินเนื้อที่เกือบ 800 ไร่พัฒนาเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สาย ซึ่งมั่นใจว่าทุกอย่างต้องจบอย่างแน่นอน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพสามารถทำให้ประเทศได้ประโยชน์และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านให้ดีขึ้น

“โรงงานยาสูบจะต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่เช่าพื้นที่ เพราะขณะนี้ไม่แน่ใจว่าให้ใครเช่าบ้าง โดยจังหวัดเองก็จะเข้าไปเจรจาจนกว่าจะจบและนำที่ดินมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศด้วยเช่นกัน”
แหล่งข่าวจากสำนักงานจังหวัดเชียงรายกล่าวเพิ่มเติมว่าได้ทำแผนพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ที่ไม่เน้นนิคมอุตสาหกรรมแต่จะกำหนดให้เป็นศูนย์กระจายสินค้า โลจิสติกส์ ศูนย์ประชุมนานาชาติ ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์กลางการเงินการธนาคาร เชื่อมโยงการค้ากับประเทศเมียนมา ทั้งนี้เชื่อว่า เขตพัฒนาเศรษฐกิจแม่สายจะช่วยผลักดันการค้าชายแดนให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน ได้ต่อปีเฉลี่ย 1หมื่นล้านบาท รวมทั้งที่สาธารณประโยชน์บ้านทุ่งงิ้วอำเภอเชียงของ กว่า500 ไร่ จังหวัดยืนยันที่จะผลักดันเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงของเนื่องจากเป็นนโยบายรัฐบาล

ขณะที่นางเตือนใจ ดีเทศน์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสิทธิชุมชนและฐานประชากรเปิดเผยว่าได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาชาวบ้านที่คาดว่าจะได้รับความเดือดร้อนจากการจัดหาที่ดินรัฐเพื่อให้เอกชนลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย ซึ่งที่ผ่านมาในพื้นที่ได้เคลื่อนไหวหลายครั้ง ทั้งอำเภอแม่สาย และอำเภอเชียงของ 2ใน 3 อำเภอเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย

ทั้งนี้พื้นที่อำเภอแม่สายได้เสนอที่ดินที่ราชพัสดุในเขตตำบลโป่งผาซึ่งปัจจุบันโรงงานยาสูบ รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง ได้ให้ชาวบ้านทำแปลงปลูกยาสูบพันธุ์เวอร์จิเนียร์ ส่งให้กับโรงงานมาอย่างยาวนาน หากเปลี่ยนให้เอกชนลงทุนชาวบ้านจะเดือดร้อนซึ่งล่าสุดได้รับเรื่องร้องเรียนและเสนอกสม.ชุดใหญ่เพื่อให้รัฐเยียวยาหากยืนยันที่จะใช้ที่ดินแปลงนี้

ส่วนที่ดินทุ่งงิ้ว อำเภอเชียงของ ชาวบ้านและองค์กรพัฒนาเอกชนในพื้นที่เห็นแย้งว่าที่ดินทุ่งงิ้วเป็นที่ดินที่เข้าข่ายเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ควรแก่การอนุรักษ์เพื่อความสมดุลเชิงนิเวศ แม้จังหวัดเห็นว่าเหมาะสม แต่ อนุกรรมการฯ เห็นว่าควรทบทวนเพราะนอกจากประชาชนและองค์กรพัฒนาเอกชนในพื้นที่จะไม่เห็นด้วยแล้วการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ก็ยังมองว่าไม่เหมาะสมโดยให้เหตุผลในที่ประชุมรับฟังความเห็นของคณะอนุกรรมการฯว่าจะไม่ทำนิคมอุตสาหกรรมบนที่ดินแปลงดังกล่าว เนื่องจากต้องถมดินจำนวนมาก ไม่คุ้มทุน และจากความเห็นของ กนอ. สะท้อนได้ว่าที่ดินทุ่งงิ้วเป็นที่ชุ่มน้ำจริง ดังนั้นกสม.จะเสนอเรื่องนี้ไปยังรัฐบาลให้ทบทวนต่อไป

แหล่งข่าวจากกรมโยธาธิการและผังเมืองเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการด้านการจัดหาที่ดินและบริหารจัดการที่มีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.1) เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2559ที่ผ่านมาที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ยุบเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอำเภอเชียงแสนจังหวัดเชียงราย ส่วนที่เป็นที่ดินรัฐที่ตำบลบ้านแซวติดกับท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนเนื้อที่ 651ไร่ เนื่องจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.)ได้ออกหลักฐานส.ป.ก.4-01ให้ชาวบ้านได้สิทธิทำกินไปเรียบร้อยแล้วประกอบกับชาวบ้านคัดค้าน จึงเห็นว่าควรยุติที่จะดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าว ส่วนที่ดินที่ราชพัสดุของโรงงานยาสูบติดถนนพหลโยธินอำเภอแม่สาย 800ไร่ และที่ดินสาธารณประโยชน์บ้านทุ่งงิ้วตำบลสถาน อำเภอเชียงของ เนื้อที่ 531ไร่เศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยืนยันว่าจะเดินหน้าพัฒนาให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษต่อไป

หลังจากก่อนหน้านี้ กรมธนารักษ์ได้ทำหนังสือถึงมท.1 ขอยุบพื้นที่แม่สายเพราะไม่ต้องการฝืนใจชาวบ้าน ขณะที่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ขณะนี้ได้ที่ดินจากผู้บุกรุกคืนมาแล้ว 1,000 ไร่ จากทั้งหมด 2,100 ไร่ คาดว่าภายในเดือนสิงหาคมนี้จะได้คืนครบทั้งหมด ส่วนอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นที่ดินเอกชนที่ปปง.ยึดมาจากคดีฟอกเงินและตกเป็นที่ราชพัสดุยังมีปัญหาไม่สามารถเจรจาขอที่ดินคืนได้ อย่างไรก็ดี ผลการประชุมดังกล่าวจะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ(กนพ.)ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป

ทั้งนี้ มท.1 ได้ยํ้าถึงแผนพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษทุกพื้นที่ว่า ให้คำนึงถึงอนาคตของประเทศเป็นหลักเมื่อดำเนินการแล้วได้อะไร ทั้งนี้ทุกฝ่ายต้องมองไปข้างหน้า แม้แต่การคัดค้านที่อาจห่วงแค่ผลกระทบระยะสั้นที่ชาวบ้านจะไร้ที่ทำกิน แต่มุมกลับกันการพัฒนาครั้งนี้เป็นการขยายความเจริญ ถือเป็นโอกาสทองที่อาจเปลี่ยนวิถีชีวิตสร้างโอกาสให้กับชุมชนมากขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,175 วันที่ 17 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559