รอบด้านตลาดหุ้น by  Bualuang Securities  

14 ก.ค. 2559 | 03:55 น.
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นไทยพบว่ามูลค่าตลาดขยับขึ้น จำนวนหุ้นกลางเล็กถึงกลางเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว จากการที่ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวสูงขึ้นทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้นเริ่มแพง โดยมูลค่าในปัจจุบันได้แสดงนัยค่า PER ล่วงหน้าที่ 16 เท่า อย่างไรก็ตามยังเป็นการยากที่จะคาดเดาว่าตลาดหุ้นไทยจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดเมื่อเนื่องจากสภาพคล่องที่มีอยู่มาก สัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่าดัชนียังคงมีแนวโน้มขาขึ้นเนื่องจากเหตุผล:

1. สัญญาณทะลุทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1483 จุดและดัชนีเคลื่อนตัวสูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น-ยาว

2. กระแสเงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่ภูมิภาค พบว่า Fund flow ได้ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รูปแบบในอดีตเรามักจะเห็นการไหลเข้าของกระแสเงินลงทุนต่อเนื่อง

3. เราคาดว่าตลาดจะขึ้นไปแตะระดับ PER ในปี 2559 ที่ 16-16.5 เท่า ซึ่งหมายถึงเมื่อดัชนีปรับขึ้นไปที่ 1487-1533 จุดสภาพคล่องที่สูงขึ้นจะยังหนุนตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวได้ดีต่อไป

4. การปรับขึ้นของตลาดสัญญาณทางเทคนิคจะให้แนวต้านบริเวณ 1530 จุด (Fibonacci ratio 78.6%)

5. นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลรักษาการจะช่วยผลักดันโครงการสาธารณูปโภคภายในประเทศและความหวังที่คาดว่าเศรษฐกิจภายในประเทศน่าจะมีการฟื้นตัว

คำแนะนำ “Selective buy” เลือกซื้อหุ้นที่มีสัญญาณแข็งแกร่งมากกว่าตลาด และขายหุ้นที่มีสัญญาณอ่อนกว่าตลาด

รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้

(+) TISCO ประเด็นจากการประชุมกับผู้บริหาร 1) ส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) มีแนวโน้มที่ดีกว่าคาด เพราะใน 1H16 NIM อยู่ที่ราว 4% ในขณะที่ เดิมเราคาดทั้งปี 3.5% 2) คาดสินเชื่อจะเติบโตดีใน 2H16 หนุนโดย สมหวังเงินสั่งได้ (คล้ายๆกับ SAWAD) เรามีการปรับกำไรปี 2016-17 ขึ้น 10% และ 14% เป็น 5,000 และ 5,400 ล้านบาท ตามลำดับ และ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 59 บาท และยังมีโอกาสปรับกำไรขึ้นอีกจากการตั้งสำรองที่มีแนวโน้มน้อยกว่าคาด และ สมหวังเงินสั่งได้ ที่แนวโน้มโตดีกว่าคาด

(+) IVL คาดกำไร 2Q16 4,059 ล้านบาท ลดลง 22% YoY และ 1% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษราว 2 พันล้านบาท คาดกำไรหลัก เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 29% QoQ เพราะปริมาณการขายที่คาเพิ่มขึ้น 17% YoY และ 20% QoQ และส่วนต่างกำไร (spread) ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ดีเรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาได้สะท้อนกำไรใน 2Q16 ที่คาดจะดีไปแล้ว และเราคาดกำไรใน 3Q16 จะอ่อนตัวลง QoQ เพราะ spread ที่แคบลง เรามองว่าเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวลงจะเป็นโอกาสในการซื้ออีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะยาว ราคาเป้าหมาย 31 บาท

(+) TFG เราได้เชิญผู้บริหารมาให้ข้อมูลกับนักลงทุน โดยรวมแล้วเรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น แม้ว่านักลงทุนจะมองตัวหุ้น TFG เหมือนเป็นหุ้นที่เคลื่อนไหวไปตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งไก่ และหมูซึ่งมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา แต่ TFG ได้มีการสร้างรากฐานของบริษัทที่แข็งแกร่งจากภายในทั้งในเรื่องของการจัดการด้านต้นทุนวัตถุดิบ อีกทั้งบริษัทยังมีการบริหารต้นทุนในด้านการดำเนินงานส่วนต่างๆ เรามองว่าการเทิร์นอราวด์กลับมาเป็นกำไรในปีนี้คงเป็นที่แน่นอนแล้ว แต่ก้าวต่อไปนั้นคือการเข้าสู่โหมดการเติบโต โดยผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 15% YoY และวางแผนขยายและรุกเข้าไปในตลาดสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม ทั้งการเพิ่มสัดส่วนการส่งออก การทำไส้กรอกไก่  และการขยายไปตามเครือร้านอาหารต่างๆ  แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาพอสมควรตั้งแต่ต้นปีแต่เรามองว่า ราคาตอนนี้คิดเป็น PE ปี 2017 แค่ 10.5 เท่า ซึ่งยังถือว่าถูกกว่าคู่แข่งที่ 12-13 เท่า อีกทั้งบริษัทอยู่ในช่วงการฟื้นตัวอย่างชัดเจน จึงมองว่าราคาหุ้นมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อ เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

(-) PTTEP เรามองแนวโน้มราคาน้ำมันผันผวนแม้ราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นจะปรับตัวขึ้น แต่การปรับตัวขึ้นเริ่มมีจำกัด ส่วนกำไรมีแนวโน้มหดตัวในอนาคต ซึ่งเมื่อเทียบกันระหว่างผลลัพธ์กับความเสี่ยง เรายังชอบหุ้น PTT มากกว่า PTTEP และผลกระทบเรื่องเรื่อง Brexit จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง เราคาดผลประกอบการไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% QoQ แต่ลดลง 9% YoY เราประเมินราคาสูงสุดและต่ำสุด Bull/Bear case จะอยู่ที่ 91-65 บาท โดยมองอัพไซด์จากราคาปัจจุบันมีไม่มาก

เรายังคงคำแนะนำ “ขาย”

ที่มา:บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง