เคลมดิรุกเปิดศูนย์ที่เชียงใหม่ปลุกระบบเคลมประกันภัยระบบดิจิทัล

07 ก.ค. 2559 | 06:15 น.
นายกิตตินันท์  อนุพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท เอนนี่แวร์ ทู โก เปิดเผยว่า บริการเคลมดิ (Claim Di) ซึ่งเป็นระบบประกันภัยแบบดิจิทัล ได้เปิดบริการใหม่ชื่อ  เคลมดิ ไบค์(Claim Di Bike) โดยก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวศูนย์เคลมดิไบค์ไปแล้วที่ภาคอีสานและภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น, ภูเก็ต, หาดใหญ่ และล่าสุดเคลมดิเปิดตัวศูนย์เคลมดิไบค์แรกของภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากจะครอบคลุมระบบประกันรถยนต์ยุคใหม่ภายในเชียงใหม่เองแล้ว ยังจะเป็นศูนย์การจัดตั้งระบบประกันภัยรถยนต์ดิจิทัล เพื่อให้ครอบคลุมทั้งภาคเหนืออีกด้วย”

บริการ “เคลมดิ ไบค์” คือ พนักงานสำรวจภัยหรือเซอร์ไวเยอร์อิสระที่ทำงานกับบริษัทโดยตรง ซึ่ง “เคลมดิ ไบค์” จะเข้ารับงานเคลมประกันต่อจากบริษัทประกันภัยในแถบภาคเหนือทั้งหมด ทันทีที่ผู้ทำประกันภัยเกิดเหตุที่จะต้องมีการทำเคลม เซอร์ไวเยอร์ของบริษัทจะเป็นผู้เข้าทำการประเมินด้วยระบบดิจิทัล ซึ่งจะทำให้เกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมาก เพราะทั้งหมดจะสามารถออนไลน์เข้าสู่ระบบส่วนกลางได้ทันที ทำให้ลดงานด้านเอกสารและประหยัดเวลาให้กับลูกค้าและบริษัทประกันอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังป้องกันการทุจริตได้เป็นอย่างดี

“วันนี้เชียงใหม่ เป็นหัวเมืองใหญ่ของภาคเหนือที่มีการพัฒนาเติบโตด้วยอัตราเร่งสูงสุด และขึ้นแท่นเป็นศูนย์กลาง (Hub) หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษา การช็อปปิ้ง เมดิคอลฮับ และฮับการบินของภูมิภาค โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีนี้ เราจะเห็นว่ามีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้นราวดอกเห็ด ทั้งจัดสรรแนวราบ คอนโดมิเนียม คอมมิวนิตี้มอลล์ และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในระดับภูมิภาคอาเซียน ทำให้นักท่องเที่ยวต่างขับรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาเที่ยวที่เมืองเชียงใหม่อย่างไม่ขาดสาย

ปัญหาใหญ่ ที่กำลังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตชาวเชียงใหม่ในเวลานี้ คือการจราจรติดขัดในเขตเมือง ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน รวมถึงสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงที่สุดในภูมิภาคแถบนี้ ขณะเดียวกันระบบการเคลมประกันโดยใช้ตัวกลางให้กับบริษัทประกัน ยังใช้ระบบแมนนวลทำให้ความสมดุลของการเคลมประกันกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่สมดุลกัน จึงเกิดปัญหาว่าผู้ทำประกันจะต้องเสียเวลารอบนถนนเป็นเวลานาน ทำให้ความพึงพอใจในการใช้ประกันภัยลดน้อยลงอย่างมาก ซึ่งหากมีอุบัติเหตุบนท้องถนนและไม่มีการทำเคลมประกันที่รวดเร็ว การจราจรของเมืองเชียงใหม่อาจจะวิกฤตมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” นายกิตตินันท์กล่าว