เทรดทองคำบนตลาดทีเฟ็กซ์ มาแน่สิงหาคม-กันยายนปีนี้ เปลี่ยนชื่อเป็น“โกลด์-ดี” จากเดิม “อี-โกลด์” ชี้รูปแบบเดียวกับตลาดสปอตทองคำข้อดีได้รับทองจริงตามออร์เดอร์ทั้งความบริสุทธิ์ เช่น 99.99% และตามนํ้าหนัก เชื่อได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน แต่ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ เผยผู้ค้า-นักลงทุนรายใหญ่ สนใจเพียบ
นายชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการอำนวยการ กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนิตี้ จำกัด เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ" ถึงความคืบหน้าการซื้อขายทองคำบนตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือทีเฟ็กซ์ (TFEX) ว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้น่าจะสามารถเปิดให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายได้ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนที่จะถึงนี้ โดยล่าสุดได้มีการปรับเปลี่ยนชื่อจากเดิมที่เรียกว่าอี-โกลด์ (Eletronic Gold : E-Gold) เป็นโกลด์-ดี (Gold-Delivery) เพื่อความเหมาะสมในการเรียกผลิตภัณฑ์
โดยโกลด์-ดี จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีตัวหนึ่งในตลาด ข้อดี คือ มีการส่งมอบทองคำทุกวัน ซึ่งเทียบเคียงก็จะเหมือนกับตลาดสปอตทองคำ หรือสปอตโกลด์ โดยในความคิดเห็นส่วนตัวเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้ดีอย่างมากเพราะหากซื้อขายผ่านเอ็กซ์เช้นจ์ เช่น ทีเฟ็กซ์
" เมื่อซื้อทองคำและอยากได้ทองเราก็ได้รับการการันตีว่าเราได้ทองอย่างแน่นอน รวมถึงหากเราซื้อทอง 99.99 % (ความบริสุทธิ์ของเนื้อทองคำ) ก็เชื่อใจได้เลยว่าจะได้ทอง 99.99 % แน่ๆ และสุดท้ายเรื่องของระบบการชำระเงินที่ถูกออกแบบมาอย่างดี"
นายชาญชัย กล่าวว่า ในความเป็นจริงแล้วโกลด์-ดี ก็เหมือนกับเวลาที่ซื้อทองคำแท่ง หรือเวลาที่ไปซื้อทองย่านเยาวราช แต่หากเป็นการซื้อขายในลักษณะดังกล่าวในบางครั้งเมื่อซื้อแล้วอาจจะยังไม่ได้ของ แต่จะได้เป็นตั๋วมาก่อน อีกทั้งเรื่องของระบบการซื้อขายก็ไม่มีผู้ที่กำกับดูแล แต่การซื้อผ่านระบบโกลด์-ดีจะมีความชัดเจน และมีที่ฝากทองอย่างชัดเจน
"เท่าที่ทราบข้อมูล มีผู้ที่เก็บทองแท่งรายใหญ่สนใจที่จะเข้ามาเทรด ด้วยเหตุผลที่ว่าเค้าเป็นรายใหญ่มีโพซิชั่นมาก การที่ระบบการซื้อขายที่มีความปลอดภัยมากกว่า ย่อมมีความรู้สึกที่ดีกว่า เพราะฉะนั้น จึงเป็นอีกหนึ่งโปรดักส์ ที่คิดว่าดี ก็จะเป็นเหมือนการซื้อขายทองแท่งนั่นเอง"
นายชาญชัย กล่าวต่อไปอีกว่า ปัจจุบันโกลด์-ดี อยู่ในขั้นตอนที่โบรกเกอร์ หรือผู้ขาย (Vevdor) อยู่ระหว่างการแก้ไข และปรับปรุงทดสอบโปรแกรมอยู่ โดยทองคำถือว่าเป็นโปรดักส์ที่น่าสนใจในช่วงเวลานี้ และแนวโน้มในระยะต่อไป แต่ราคาจะผันผวนค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามราคายิ่งแกว่งตัวมากมูลค่าหรือโวลุ่มการซื้อขายก็จะยิ่งมากขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายทองคำเติบโตขึ้นเช่นเดียวกับในปีนี้ และเมื่อไหร่ที่แนวโน้มการลงทุนมีความชัดเจนมูลค่าการซื้อขายทองคำจะคึกคักมากขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่ในส่วนของการรับมอบทองคำนั้น สามารถเลือกได้ว่าจะรับมอบเลยหรือยังไม่รับมอบก็ได้โดยหากต้องการรับมอบก็ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน เช่น ขนาดของโกลด์-ดี ก็คือ 1 สัญญาเท่ากับทองคำน้ำหนัก 1 กิโลกรัม โดยมีการระบุราคาในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ในระบบของการชำระเงินยังเป็นเงินบาท
ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการจะรับทองก็จะมีระบบที่ให้ผู้ที่ต้องการขายทอง และผู้ที่ต้องการทองส่งคำสั่งเข้าไปในกระดานที่เรียกว่าเทรดเดอร์ โดยระบุว่าต้องการทองคำกี่สัญญา หากมีผู้ที่ต้องการขายก็จะขายทองออกมา ถ้ามีความต้องการตรงกันอีกวันหนึ่งก็มีการส่งมอบทองกันและชำระเงิน โดยทองก็จะถูกฝากอยู่ในห้องมั่นคงของตลาด
ทั้งนี้ระบบการซื้อขายโกลด์-ดี ก็จะเหมือนกับการมีหุ้น แต่เปลี่ยนเป็นทอง ก็จะเป็นลักษณะที่ว่าบุคคลนี้มีทองอยู่จำนวนเท่าไหร่ฝากไว้อยู่ เมื่อใดที่ต้องการขายระบบก็จะตรวจสอบว่าบุคคลนั้นมีทองแท่งหรือไม่ จึงจะสามารถขายได้ โดยการซื้อขายระหว่างวันหากนักลงทุนไม่ต้องการส่งมอบ ผู้ที่ไม่ได้รับส่งมอบทุกวันก็จะต้องมีการคิดอัตราดอกเบี้ยเป็นรายวัน
ส่วนระบบการชำระเงินจะเป็น T+3 วันรุ่งขึ้นก็จะต้องมีการยืนยัน มีการนำเงินมาวางเท่ากับจำนวนที่สั่งซื้อ แต่วันที่ T+1 โบรกเกอร์ก็จะต้องยืนยันให้ได้ว่าลูกค้ามีเงิน หรือเรียกเงินมาเพียงพอ เนื่องจากทอง 1 กิโลกรัมอาจจะมีมูลค่า 1 ล้านบาท วันที่จองผู้ซื้ออาจจะวางเงินแค่ 5 หมื่นบาท วันรุ่งขึ้นก็จะต้องนำมาชำระให้เต็มจำนวน แต่ผู้ซื้อก็จะได้ทองไปจริงๆ หากไม่รับมอบก็มีหน้าที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ทั้งขาซื้อ( Long)และขาขาย( Short )
สำหรับกระแสตอบรับของโกลด์-ดี จากนักลงทุนจะเป็นอย่างไรนั้น นายชาญชัย มองว่าเนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจจะเป็นสิ่งแปลกใหม่ในตลาด ดังนั้นจึงน่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการให้ความรู้ความเข้าใจกับลูกค้าสักระยะหนึ่ง เพราะผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะไม่ได้มีรูปแบบที่เป็นปกติเหมือนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอ้างอิงราคาทองคำ (โกลด์ฟิวเจอร์ส) แต่เชื่อว่าจะเป็นโปรดักส์ที่ดีในตลาด และเท่าที่รับทราบข้อมูลมา นักลงทุนรายใหญ่ที่ลงทุนทองคำก็ต้องการที่จะเข้ามาในระบบ เพื่อเป็นการการันตีว่าได้รับทองคำอย่างแน่นอน ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่คงจะต้องใช้ระยะเวลาในการทำความเข้าใจ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,171 วันที่ 3 - 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559