ก.ล.ต.ปรับ 447 ล้านแก๊งปั่นหุ้น‘สหโมเสค’

30 มิ.ย. 2559 | 12:00 น.
ก.ล.ต.เชือดอีกแก๊งปั่นหุ้นสหโมเสค ปรับผู้กระทำผิดรวม 9 ราย เป็นเงินก้อนโต 447.26 ล้านบาท มาร์เก็ตติ้งดัง“แฉล้ม เสมสฤษดิ์” สังกัด บล.คันทรี่กรุ๊ปฯ โดนหนักสุด 72.18 ล้านบาท พร้อมลงโทษสูงสุดเพิกถอนไลเซน 10 ปี

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดว่า คณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบผู้กระทำผิด 9 ราย กรณีสร้างราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นบริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (UMI) โดยเป็นตัวการร่วม 5 ราย ได้แก่

(1) นายแฉล้ม เสมสฤษดิ์ (2) นายพรหมกรรณ ศรีณรงค์ (3) นางกชพร สิงห์ทอง (4) นายชูเกียรติ สิงห์ทอง (5) นายปราบภณ สิงห์ทอง และผู้สนับสนุน 4 ราย ได้แก่ (6) นายประเศียร คงบุญ (7) นางสาวศิริกร ทองสาหร่าย (ขณะเกิดเหตุชื่อนางสาวภัฑริกาคงบุญ) (8) นายสมชาย คงบุญ และ (9) นายสมจิตร สะใบบางรวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 447.26 ล้านบาท

ความผิดดังกล่าวเป็นกรณีความผิดเดียวกับที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2559 เพื่อให้ดำเนินคดีกับตัวการร่วมอีก 4 ราย ที่ไม่ยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบความผิดกรณีสร้างราคาหุ้น UMI

โดยก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่านายแฉล้มซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัทหลักทรัพย์(บล.)คันทรี่กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์

รวมถึงนายพรหมกรรณ นางกชพร นายชูเกียรติ และนายปราบภณ ได้ตกลงหรือร่วมรู้เห็นกับตัวการร่วมอีก 4 ราย ที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษไปแล้วก่อนหน้านี้ ในการใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์จำนวนหลายบัญชี เพื่อสร้างราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นUMI ระหว่างวันที่ 9 มกราคม 2556 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ในลักษณะอำพราง เพื่อให้บุคคลทั่วไปหลงผิดไปว่าหุ้น UMI มีการซื้อขายกันมาก ผ่านการซื้อขายในลักษณะต่อเนื่องจนผิดไปจากสภาพปกติของตลาด โดยได้รับการสนับสนุนและช่วยเหลือจากนายประเศียรนางสาวศิริกร นายสมชาย และนายสมจิตร ซึ่งยินยอมให้ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อการนั้น

ทั้งนี้ ราคาปิดของหุ้น UMI ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 เท่า จากราคาหุ้นละ 7.75 บาท เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2556 ไปปิดที่ราคา 38.75 บาท ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ส่วนปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 9 เท่าจากวันละ 3 ล้านหุ้น เป็น 30 ล้านหุ้น การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 243 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบกับมาตรา 83 และมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับหรือ พึงได้รับ แต่ต้องไม่น้อยกว่า 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงเปรียบเทียบนายแฉล้มเป็นเงินจำนวน 72.18 ล้านบาท เปรียบเทียบนายพรหมกรรณ นางกชพร นายชูเกียรติ และนายปราบภณ เป็นเงินจำนวนรายละ 56.26 ล้านบาทและเปรียบเทียบนายประเศียร นายสมชาย นางสาวศิริกร และนายสมจิตร เป็นเงินจำนวนรายละ 37.51 ล้านบาท

นอกจากนี้นายแฉล้มยังต้องห้ามเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนและขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ดังนั้น ก.ล.ต. จึงสั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์และกำหนดระยะเวลาต้องห้ามเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนของนายแฉล้มเป็นเวลา 10 ปี

อนึ่งในกรณีที่ผู้ถูกเปรียบเทียบไม่ชำระค่าปรับภายในเวลาที่คณะกรรมการเปรียบเทียบกำหนด ก.ล.ต. จะกล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,170
วันที่ 30 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2559