ธ.เอชเอสบีซี ประเทศไทย ชี้ธปท.มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยนโยบาย

21 มิ.ย. 2559 | 07:56 น.
ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย ออกบทวิเคราะห์ธนาคารแห่งประเทศไทย  เหตุผลที่จะคงดอกเบี้ยนโยบายมีมากกว่า   โดย นางสาวนลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย

•ธปท.มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมกนง. 22 มิ.ย.นี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังรักษาการเติบโตได้ในระดับปานกลาง โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการทางการคลังที่มากขึ้น

•เราคาดว่าธปท.ไม่น่าจะปรับการคาดการณ์ศก.อย่างมีนัยสำคัญ ในรอบนี้ ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการรอประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ภายนอก

•การสงวนมาตรการสำหรับกรณีที่ไม่คาดคิด ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของธปท.

เหตุผลที่มองบวก

ข้อมูลเศรษฐกิจไทยยังคงมีทั้งด้านบวกและลบ จีดีพี Q1 เติบโตดีขึ้นมากกว่าคาดที่ร้อยละ 3.2 เทียบกับปีก่อน ขณะที่คาดการณ์ของตลาดอยู่ที่ร้อยละ 2.8 แต่ข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยเฉพาะการเติบโตของสินเชื่อ การส่งออก และดัชนีการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนถึงการเริ่มต้น Q2 ที่ยังอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในระดับที่สามารถจะเติบโตได้ที่ร้อยละ 3.0 ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากปีก่อน แต่น่าจะเพียงพอต่อการที่ธปท.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.5 เช่นเดิม

นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอื่น ๆ ที่มีมุมมองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจไทย ความร้ายแรงของภาวะภัยแล้งมีแนวโน้มทุเลาลงเรื่อยๆ และราคาพืชผลทางการเกษตรดูเหมือนจะผ่านระดับต่ำสุดมาแล้ว ดังนั้น การขยายตัวด้านการบริโภคน่าจะปรับตัวดีขึ้นแม้ว่าจะเป็นเพียงเล็กน้อย ตามรายได้ของเกษตรกรและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นอกจากนี้ โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการที่ได้รับการอนุมัติช่วงไม่กี่เดือนมานี้และกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมประกวดราคาใน Q3 นี้ ทั้งนี้ดร. วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธปท. กล่าวว่า การลงทุนโครงการขนาดใหญ่มีแนวโน้มจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมากขึ้นในครึ่งปีหลัง อีกทั้ง เราคาดว่าการประกาศมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมในหลายสัปดาห์มานี้ โดยมีเป้าหมายจะกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน และช่วยเหลือ SMEs และเกษตรกร น่าจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและขยายการลงทุนภาคเอกชนได้

สงวนท่าทีท่ามกลางสถานการณ์ภายนอกที่ไม่แน่นอน

ภาวะการเงินยังคงผ่อนคลายจากสภาพคล่องล้นตลาดของธนาคารพาณิชย์ อัตรากู้ยืมที่แท้จริงลดลงจากคาดการณ์เงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรได้ปรับลดลงหลังจากที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ดังนั้น เราคาดว่าธปท.จะยังไม่ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน นอกจากนี้ ท่ามกลางปัจจัยภายนอกที่มีความไม่แน่นอนก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ธปท.ยังคงรักษาท่าทีและรอดูสถานการณ์ไปก่อนคือ ธปท.น่าจะต้องการรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ภายนอกประเทศ รวมถึงการทำประชามติของอังกฤษในการถอนตัวจาก EU และโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย อีกทั้ง การลดดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้อาจส่งสัญญาณเชิงลบมากเกินไป บั่นทอนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ และชักนำไปสู่สถานการณ์ที่อ่อนไหวมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ธปท.ไม่ต้องการให้