“สินทรัพย์ประกันภัย”ปรับองค์กรกระชับ ทิ้งพอร์ตแท็กซี่ลดขาดทุน

19 มิ.ย. 2559 | 07:39 น.
“สินทรัพย์ประกันภัย”โชว์วิสั ยทัศน์ปี’59 เน้นปรับปรุงองค์กรให้กระชับ จัดการบริหารต้นทุนลดค่าใช้จ่าย ตัดพอร์ตแท็กซี่ทิ้งเหตุเคลมสูง ลดการขาดทุน วางเป้าไว้ใกล้เคียงกับปี’58 ที่  980 ล้านบ. คาดครึ่งปีหลังผลประกอบการจะสมู ทและดีขึ้นเพิ่มเป็นบวก ท้าชนกูรูประกันฯลั่น “สินทรัพย์ประกันภัยฯ” ต้องเป็น 1 ใน 30 บริษัทประกันภัยขนาดกลาง ที่ยังดำเนินการอยู่ได้ตลอดไปเพราะกุมตลาด “ นิช มาร์เก็ต ”ไว้ในมือเหนียวแน่น

ดร.สมนึก สงวนสิน ประธานกรรมการบริหาร บมจ.สินทรัพย์ประกันภัย เปิดเผยว่า “ในปี 2559 นี้ บริษัทมีการปรับปรุงและบริหารจั ดการองค์กร โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารต้ นทุน และลดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ บริษัทมองว่าหากบริหารจั ดการในส่วนของต้นทุนบริหารได้ จะทำให้บริษัทมีผลการดำเนิ นงานที่เป็นบวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทได้ปรับลดเป้ ายอดขายในปีนี้ใหม่ลดลงมาเหลื อใกล้เคียงกับปี 2558 คือประมาณ 980 ล้านบาท หรืออาจเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5 % จากแผนเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ว่ าเราจะทำเบี้ยให้ได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท”

“เราเน้นในเรื่องของคุณภาพและผลิตภัณฑ์ เราไม่แข่งเรื่องราคา เพราะประกันภัยมีการแข่งขันราคาสูงมากมีการตัดราคากั นจนทางนายกสมาคมประกันวินาศภั ยไทยจะได้มีการนัดพูดคุยและหารื อกับผู้บริหารของบริษัทประกันต่ างๆเร็วๆนี้เพื่อมิให้มีการแข่ งขันตัดราคากันไม่ทำให้ ราคาในตลาดลดลงต่ำไปกว่านี้อีก”

อย่างไรก็ดีในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ฐานลูกค้าหลักของบริษัทคือกลุ่ มรถแท็กซี่นั้นเริ่มมีอั ตราความเสียหาต่อเบี้ยประกันภั ยหรือ ลอส เรโช นั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่ องขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 89-110 % จากเดิมที่ในช่วง 3 ปีแรกที่เริ่มทำตลาดนั้นอัตราของลอสเรโชอยู่ที่ระดับ 58 % เท่านั้นแต่ในตอนหลังเพิ่มขึ้ นมาก จนเราต้องมีการขึ้นเบี้ยประกั นเพิ่มอีก 2 พันบาทพรือคิดเป็น 25 % ของลอสเรโชเพื่อไม่ทำให้บริษั ทต้องขาดทุนเพิ่มขึ้นไปอีก

ซึ่งในส่วนของงานรับประกันภั ยรถแท็กซี่นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการรับประกันภั ยประเภทชั้นสามนั้น โดยบริษัทจะมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นสหกรณ์และกลุ่มแท็ กซี่บุคคล รวมถึงทางด้านโบรกเกอร์ และตัวแทน หรือเจาะเข้าไปอย่างบริษัทมหาชน และเข้าถึงเจ้าของโดยตรง

“ลูกค้าแท็กซี่ส่วนใหญ่ของเราที ่ทำประกันภัยประเภทชั้น 3 ไว้และมีเบี้ยรวมกันอยู่ที่ ประมาณ 200 ล้านบาท/ปี แต่เมื่อสถิติการเคลมของเราไม่ ดี มีสินไหมสูง ขาดทุนเดือนละ 2 ล้านบาท เราก็ต้องสกัด คือเมื่อถึงเวลาต่ออายุเราก็ต้ องเพิ่มเบี้ยอีก 2 พันบาทจากเดิมทำไว้ที่ 8 พันบาท ก็เพิ่มเป็น 1 หมื่นบาทเพื่อให้สอดคล้องกั บความเสี่ยงที่สูงขึ้นและดึงตั วเลขค่าเคลมให้ลดลงมา จึงทำให้ลูกค้าแท็กซี่ที่ เคยทำกับเราหันไปทำกับบริษัทอื่ นที่ถูกกว่าแทน” ดร. สมนึกกล่าว

ดร.สมนึก กล่าวถึงเรื่องลอส เรโชของบริษัทฯต่ออีกว่า ไม่ได้แตกต่างไปจากบริษัทอื่ นแต่อย่างใดและยังอยู่ในเกณฑ์ มาตรฐานของอุตสาหกรรมประกันภั ยบ้านเราเพราะเราเป็นบริษั ทขนาดกลางที่เน้นในเรื่ องของการดูแลลูกค้าและการบริการ ซึ่งก็คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ ผลประกอบการของบริษัทน่าจะราบรื ่นและดีขึ้นตามลำดับหลังจากที่ เราลดการรับประกันภัยแท็กซี่ ลงไป

ทั้งนี้ปัจจุบันเราต้องดูว่ างานประกันภัยแต่ละงาน ที่เราจะรับงานเข้ามานั้นมั นขาดทุนหรือไม่ เพราะในแวดวงของผู้ประกอบการนั้ นไม่ได้มีการได้เปรียบหรือเสี ยเปรียบกันเท่าใดอย่างพี.เอ หรือรถยนต์ เราจะไม่ดันทุรังที่จะเก็บพอร์ ตที่ไม่ดีไว้มันไม่มีประโยชน์

“ประกันภัยทุกวันนี้สู้กันด้วยO E หรือ Operating Expense ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน การจัดการองค์กรที่เหมาะสม  เอาเทคโนโลยี่ หรือ ITเข้ามาเสริม  คนของเราก็ไม่ได้มากและไม่ได้ ทำให้เราเดือดร้อนบวกลบ ปีหนึ่ง ถ้าลบก็ไม่เกิน 10-20 ล้านบาท หรือถ้าบวกก็ประมาณ 30-40 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เราแข่งขั นได้ เราพยายามทำองค์กรของเราให้ กระชับ” ดร.สมนึกกล่าว

สำหรับเรื่องพันธมิตรที่จะเข้ ามาร่วมทำธุรกิจนั้น ดร.สมนึกกล่าวว่า ก็มีอยู่บ้างที่คุยๆกันอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทต่างชาติซึ ่งถ้าจะเข้ามาร่วมธุรกิจกั บเรานั้นก็ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่ เราบริหารอยู่ เราไม่ได้ต้องการเงิน เราต้องการเทคโนโลยี่และโนฮาว ถ้าเราจะเติบโต หนึ่งบวกหนึ่งต้องเป็นสาม ถ้าจะเอาเงินมาอย่างเดียวเราไม่ ต้องการ เราไม่ได้เดือดร้อน

“อย่างที่มีกูรูประกันภัยเคยพู ดไว้ว่า ต่อไปบริษัทประกันภัยที่มีอยู่ ทั้งหมดนั้น ต่อไปจะเหลือบริษัทที่ยั งคงดำเนินกิจการต่อไปอยู่ได้เพี ยง 30 บริษัท เราบริษัทสินทรัพย์ประกันภัยฯ เป็นบริษัทประกันภัยขนาดกลาง เราจะทำให้ดูว่าเราก็ยังอยู่ได้ ต่อไป ถ้าตราบใดเราจับตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือ นิช มาร์เก็ต และและสามารถทำให้องค์กรลดต้นทุ นค่าใช้จ่ายลงได้” ดร. สมนึกกล่าว

ปัจจุบันบริษัทสินทรัพย์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีพอร์ตการรับประกันภัย โดยแบ่งสัดส่วนเป็นเป็นพอร์ ตรถยนต์ 85% และ 15 % เป็นงานนอนมอเตอร์และเบ็ดเตล็ด

อย่างไรก็ตาม ดร.สมนึกได้กล่าวในตอนท้ายว่ าบริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัทไรเดอร์ อินชัวร์รัน โบรกเกอร์ จำกัด และ สปีด แชลแนล ดำเนินโครงการ พ.ร.บ.อิ่มใจ โดยการจำหน่ายประกันภัยรถยนต์ ภาคบังคับจำนวน 1 แสนกรมธรรม์ภายในระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ 1 กรมธรรม์บริษัทจะสบทบทุน 100 บาท เพื่อร่วมสร้างอาคารนวมินทรบพิ ตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช ซี่งจะสร้างเสร็จในปี 2562 โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วั นที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป” ดร.สมนึก กล่าว