ส่งเมนู‘ฟูด’ชิงกำลังซื้อ เพิ่มพื้นที่ขาย/ลอว์สันโชว์โนว์ฮาวท้าชนเซเว่น อีเลฟเว่น

20 มิ.ย. 2559 | 05:00 น.
ร้านสะดวกซื้อเร่งเพิ่มพื้นที่กลุ่มฟู้ด หัวหอกดึงลูกค้าเข้าร้าน “ลอว์สัน 108” โชว์โนฮาวญี่ปุ่น ขนทัพสินค้าดัง รสชาติเลิศปูทางสร้างรอยัลตี้นักชิม เผย 60% มาเพื่อซื้ออาหารพร้อมทาน เล็งส่งเบนโตะ/ราเมง/ข้าวบุกหนัก ด้าน “เซเว่นฯ” เผยขอทดลองกับข้าวปิ่นโต แค่สิ้นเดือนมิ.ย. หลังกระแสต่อต้านในโลกโซเชียล ชี้นโยบายหลัก “ใช้ร้านเป็นแล็ป” เทสต์ตลาดเท่านั้น ขณะที่ “แฟมิลี่ มาร์ท” ซุ่มพัฒนาแฟมิ คิทเช่น และแฟมิ คาเฟ่ ก่อนเปิดตัวเร็วๆ นี้

นายกันตพัฒน์ อิทธิระวิพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สห ลอว์สัน จำกัด บริษัทในเครือสหพัฒน์ ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ “ลอว์สัน 108” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันร้านสะดวกซื้อทุกแบรนด์ให้ความสำคัญกับสินค้าในหมวดอาหาร (Food) มากขึ้น จึงเพิ่มพื้นที่จำหน่ายสินค้าประเภทฟู้ด ไม่ว่าจะเป็นอาหารแห้ง อาหารสด และอาหารพร้อมทาน หลังจากพบว่า พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปต้องการความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดและหลากหลาย นอกจากนี้ยังพบว่า สินค้าประเภทฟู้ดจะมีกำไรมากกว่าสินค้าทั่วไป และดึงให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้ถี่ขึ้นด้วย

อย่างไรก็ดี ลอว์สันฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องของฟู้ดมาตั้งแต่เริ่มต้น โดยอาศัยจุดแข็งความเป็นอาหารญี่ปุ่นที่คนไทยนิยม เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ทำให้ในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาเน้นพัฒนาและสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันกลายเป็นจุดขายหลักของร้าน และยังคงเดินหน้าพัฒนาเมนูใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง ทั้งเมนูอาหารคาว อาหารหวาน ปัจจุบันมีทั้งเบนโตะ ราเมงซุปกระดูกหมู ราเมงเต้าเจี้ยว และ เมนูข้าวหน้าต่างๆ เป็นต้น

“จุดเด่นของลอว์สันฯ คือ สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วตามเทรนด์ตลาด และผลการวิจัยต่างๆ ทำให้ขยับตัวได้เร็วกว่าคู่แข่ง อีกทั้งบริษัทจะเรียนรู้ตลอดเวลาว่าลูกค้าต้องการอะไร ชอบไม่ชอบอะไร และพัฒนาสูตรใหม่ๆ ต่อเนื่องโดยมีโมเดลของญี่ปุ่นเป็นต้นแบบ”

แต่ละวันลอว์สันฯจะมีเมนูอาหารคาว ข้าว และอาหารหวานต่างๆออกวางจำหน่ายและหมุนเวียนกันไปโดยเมนูที่บริษัทเลือกมาวางจำหน่าย 80-90% จะเป็นเมนูที่ขายออกได้อย่างรวดเร็ว และมีวาไรตี้สูง ซึ่งจะเป็นจุดดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ

ทั้งนี้จากผลการวิจัยพบว่า ลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าในลอว์สันฯ กว่า 60% จะเลือกซื้ออาหาร และให้ความสนใจกับอาหารพร้อมทาน (Ready to eat) โดยปัจจุบันร้านลอว์สันฯ 85% จากจำนวนสาขาทั้งสิ้น 54 แห่ง จะมีครัวสำหรับปรุงอาหาร ตามเมนูที่ลูกค้าเลือก อาทิ ข้าวหน้าหมูทอด ราเมง ฯลฯ เพื่อให้อาหารสด ใหม่ พร้อมทาน และจนถึงสิ้นปีนี้บริษัทจะเปิดร้านลอว์สันให้ครบ 100 แห่ง เน้นในกรุงเทพฯ เป็นหลัก โดยร้านใหม่ที่เกิดขึ้นทุกสาขาจะมีครัวเพื่อปรุงอาหารให้กับลูกค้า และสาขาที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่จะมีครัวเปิด เพื่อให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์ร่วม และมีพื้นที่นั่งสำหรับรับประทาน นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะนำโมเดลเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติแบบใหม่ จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาให้บริการภายในร้านด้วย โดยแต่ละสาขาจะมีพื้นที่เฉลี่ย 120-150 ตรม. ใช้งบลงทุนเริ่มต้นที่ 4.5 ล้านบาทขึ้นไป (ไม่รวมราคาที่ดินและขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง)

“นับจากนี้ลอว์สันฯจะสปีด อัพในการขยายสาขาทั้งในส่วนของบริษัทที่ลงทุนเอง และของแฟรนไชส์ ซึ่งจะเปิดตัวแฟรนไชส์สาขาแรกในสิ้นเดือนนี้หรือต้นปีหน้า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาแต่งตั้งแฟรนไชส์ประจำภูมิภาค” นายกันตพัฒน์ กล่าว

ด้านแหล่งข่าว จากบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น อีเลฟเว่น” กล่าวว่า นโยบายของบริษัทมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าประเภทฟู้ด และน็อนฟู้ด ในสัดส่วน 60 : 40 ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันสินค้าที่วางจำหน่ายในเซเว่นฯ มีทั้งอาหารพร้อมทาน อาหารแช่แข็ง และอาหารกึ่งสำเร็จรูป เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลาย เช่นเดียวกับการพัฒนาเมนูใหม่ๆ และบริการใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง

“ตัวอย่างเช่น กับข้าวปิ่นโต ที่กำลังเป็นกระแสฮอทในโลกโซเชียลขณะนี้ เกิดจากการทดลองพัฒนารูปแบบสินค้าใหม่ๆ ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า ลูกค้าต้องการอาหารที่หลากหลาย ไม่ใช่เพียงข้าวกล่องเท่านั้น บริษัทจึงพัฒนาเป็นเมนูอาหารที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับบริการจัดเก็บในรูปแบบของปิ่นโต เพื่อเพิ่มความสะดวกในการนำกลับ โดยทดลองทำเพียง 3 เมนู ได้แก่ กระเพราหมู ปลาผัดพริก และหมูกระเทียม โดยราคากับข้าว 2 อย่าง 55 บาท และทดลองวางขายใน 3 สาขา คือ สุขุมวิท 33 กล้วยน้ำไท และหมู่บ้านชลลดาเท่านั้น โดยมีกำหนดระยะเวลาเพียงแค่สิ้นเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น”

การทดลองดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของบริษัท ที่ต้องการใช้ร้านเซเว่นฯ เป็นห้องทดลอง(แล็ป) (ทางการตลาด) ในการศึกษาวิจัยด้านพฤติกรรมผู้บริโภค โปรโมชั่นและสินค้า ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการทดลองทำอย่างต่อเนื่องในเขตพื้นที่ต่างๆ ตามแต่ละกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ เช่น การเปิดโมเดล Food Place ตามแหล่งชุมชน มหาวิทยาลัย ฯลฯ

ขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัท เซ็นทรัล แฟมิลี่ มาร์ท จำกัด ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ “แฟมิลี่ มาร์ท” กล่าวว่า แฟมิลี่ มาร์ทยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านสินค้าและบริการ โดยเฉพาะด้านสินค้าซึ่งลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในขณะนี้จะเห็นความแตกต่างจากในอดีตมาก โดยเฉพาะโซนอาหาร ซึ่งจะมีความหลากหลายขึ้น มีสินค้าใหม่ๆ รูปร่างหน้าตาแปลกๆ ที่โดดเด่น สะดุดตา และหาที่อื่นไม่ได้ ทำให้กลายเป็นจุดเด่นและมีลูกค้าหมุนเวียนเข้ามาเลือกซื้อเสมอๆ โดยสินค้าเหล่านี้บริษัทจะร่วมกับพันธมิตรพัฒนาขึ้น เช่นเดียวกับเมนูอาหารใหม่ๆ

ปัจจุบันแฟมิลี่ มาร์ท มีสินค้าทั้งในกลุ่มQuick Serve Gold เช่น ข้าวต้มปลา บะหมี่เกี๊ยวหมู และข้าวแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลา ฯลฯ กลุ่ม Quick Serve เช่น ข้าวราดกระเพราหมู ข้าวหมูกระเทียมพริกไทย ข้าวผัดไก่ ฯลฯ สินค้าเดลิก้า (Delica) ซึ่งเป็นอาหารสำเร็จรูปที่ทำเรียบร้อยแล้ว สามารถรับประทานได้เลย แบ่งออกเป็น 3 หมวดได้แก่ แซนวิช เบอร์เกอร์หมู ฮอทดอท ล่าสุดได้เปิดตัวเมนูอาหารเช้า (Good Morning) ออกวางจำหน่ายในราคาพิเศษ เช่น คลับแซนวิช แซนวิชไก่รมควัน ราคา 35 บาท เบอร์เกอร์กุ้งทงคัตสึ เบอร์เกอร์ไข่ดาวไส้กรอก 37 บาท นอกจากนี้แฟมิลี่ มาร์ท ยังอยู่ระหว่างพัฒนารูปแบบใหม่ ภายใต้ชื่อ “แฟมิ คิทเช่น” โดยทดลองเปิดให้บริการในรูปแบบครัวเปิดแห่งแรกที่สุขุมวิท 33 ซึ่งมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มขึ้นพร้อมเปิดตัวในเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกับ “แฟมิ คาเฟ่” ที่เริ่มทดลองเปิดให้บริการในหลายสาขาด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,167 วันที่ 19 - 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559