เศรษฐกิจฟื้นดันเครื่องดื่มชูกำลังโต คาราบาวแดงยอดพุ่งอัดสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งเร่งบุกต่างแดน
เศรษฐกิจฟื้นฉุดตลาดเครื่องดื่มชูกำลังโตขึ้นในรอบ 2 ปี “คาราบาวแดง” สบช่องยอดครึ่งปีแรกพุ่งพรวด 10% เร่งใช้ “สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง”ดันแบรนด์สยายปีกบุกต่างประเทศ หวังใช้ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปนและอิตาลี เมืองชั้นนำด้านฟุตบอลเป็นสปริงบอร์ดสำคัญสู่ยุโรป ด้าน“กระทิงแดง” ไม่น้อยหน้าผุดแคมเปญ “แจกโชคเท่ สุด Extreme” ชิงรางวัลมูลค่ากว่า 4.7 ล้าน
[caption id="attachment_64029" align="aligncenter" width="700"]
ภาพรวมส่วนแบ่งทางการตลาดของเครื่องดื่มชูกำลัง[/caption]
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” เปิดเผยถึงภาพรวมกำลังซื้อภายในประเทศช่วงครึ่งปีหลังจากนี้มองว่าเริ่มฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลพวงจากการลงทุนของภาครัฐจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆ ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตขึ้น 10% และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องสวนทางกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่มียอดขายเติบโตเพียง 2-3% จากก่อนหน้านี้ที่เติบโตประมาณ 20%
ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท นับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการจัดแคมเปญและกิจกรรมทางการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายและการรับรู้ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ผ่านงบประมาณทางการตลาดใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาคือ 500 ล้านบาท ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโตและขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
“ต้องบอกว่าภาพลักษณ์ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบยุโรป มองว่าเครื่องดื่มชูกำลังที่มาจากประเทศไทยนั่นถือเป็นแบรนด์ที่ดีและมีคุณภาพ ซึ่งต้องขอบคุณแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังไทยที่ไปทำตลาดและสร้างภาพลักษณ์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายเจ้าต่างหันมาหาพาร์ทเนอร์แบรนด์ไทยในการบุกเบิกตลาด และแน่นอนว่ายักษ์ใหญ่เจ้าเดิมนั้นย่อมมีพาร์ทเนอร์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว นั่นจึงถือว่าเป็นโอกาสดีของเราในการสร้างแบรนด์ให้โดนใจ และสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้”
ทั้งนี้ในส่วนของตลาดต่างประเทศนับจากนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ผ่านรูปแบบสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งในการเข้าทำตลาดเป็นหลัก หลังจากที่ผ่านมาได้เซ็นสัญญาในการเป็นพาร์ทเนอร์ให้กับสโมสรฟุตบอลเชลซี ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 3 ฤดูกาล ด้วยเม็ดเงิน 30 ล้านบาท พร้อมได้สิทธิ์ในการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายภายในสนาม
นอกจากนี้เตรียมเจรจากับสโมสรฟุตบอลอาชีพระดับลีกในประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน และอิตาลี เพื่อเป็นสปอนเซอร์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการนำเครื่องดื่มคาราบาวแดงเข้าไปให้บริการในคลับ หรือสโมสร ตลอดจนการติดโลโก้บนหน้าอกเสื้อที่ใช้ฝึกซ้อม หรือแข่งขัน ทั้งนี้แนวทางการทำตลาดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักคือการใช้กีฬาเป็นฐานสำคัญเพื่อขยายตลาดในยุโรป
อย่างไรก็ดีบริษัทวางเป้าหมายยอดขายปีนี้เติบโตที่ 10% จากที่ทำได้ 8.3 พันล้านบาทในปี 2558 ทั้งจะเริ่มเปิดตลาดต่างประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยุโรป เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจาก 30% เป็น 50% ภายในปี 2561
ด้านคู่แข่งอย่างกระทิงแดงก็ไม่น้อยหน้า ล่าสุดได้เตรียมความพร้อมในการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ให้เป็นคนรุ่นใหม่ เท่ จึงได้จัดแคมเปญ “แจกโชคเท่ สุด Extreme” ขึ้น ด้วยรางวัลมากมายกว่า 1,400 รางวัลมูลค่ารวมกว่า 4.7 ล้านบาท เพื่อให้โดนใจคนรุ่นใหม่ นำขบวนด้วย รถบิ๊กไบท์ ไทร์อัมพ์ รุ่นไทเกอร์ หมวกกันน๊อค พร้อมรางวัลที่ส่งตรงเข้ามาจาก Red Bull Racing ประเทศออสเตรียอีกมากมายนอกจากนี้ยังมีนาฬิกาEdifice แว่นกันแดด กระเป๋าเป้ เสื้อยืด และที่พิเศษสุด คือการได้ไปสัมผัสประสบการณ์สุด Exclusive กับ Red Bull Racing Team ริมสนามแข่ง รถ Formula 1ที่ประเทศญี่ปุ่น และที่สำคัญคือผู้โชคดีจะเดินทางไปแต่ตัว ทางกระทิงแดงจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย พร้อม Pocket Money ตั้งแต่วันนี้ - 14 กันยายน 2559
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,167 วันที่ 19 - 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559
[caption id="attachment_64029" align="aligncenter" width="700"]
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” เปิดเผยถึงภาพรวมกำลังซื้อภายในประเทศช่วงครึ่งปีหลังจากนี้มองว่าเริ่มฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลพวงจากการลงทุนของภาครัฐจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆ ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตขึ้น 10% และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องสวนทางกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่มียอดขายเติบโตเพียง 2-3% จากก่อนหน้านี้ที่เติบโตประมาณ 20%
ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท นับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการจัดแคมเปญและกิจกรรมทางการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายและการรับรู้ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ผ่านงบประมาณทางการตลาดใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาคือ 500 ล้านบาท ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโตและขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
“ต้องบอกว่าภาพลักษณ์ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบยุโรป มองว่าเครื่องดื่มชูกำลังที่มาจากประเทศไทยนั่นถือเป็นแบรนด์ที่ดีและมีคุณภาพ ซึ่งต้องขอบคุณแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังไทยที่ไปทำตลาดและสร้างภาพลักษณ์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายเจ้าต่างหันมาหาพาร์ทเนอร์แบรนด์ไทยในการบุกเบิกตลาด และแน่นอนว่ายักษ์ใหญ่เจ้าเดิมนั้นย่อมมีพาร์ทเนอร์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว นั่นจึงถือว่าเป็นโอกาสดีของเราในการสร้างแบรนด์ให้โดนใจ และสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้”
ทั้งนี้ในส่วนของตลาดต่างประเทศนับจากนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ผ่านรูปแบบสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งในการเข้าทำตลาดเป็นหลัก หลังจากที่ผ่านมาได้เซ็นสัญญาในการเป็นพาร์ทเนอร์ให้กับสโมสรฟุตบอลเชลซี ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 3 ฤดูกาล ด้วยเม็ดเงิน 30 ล้านบาท พร้อมได้สิทธิ์ในการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายภายในสนาม
นอกจากนี้เตรียมเจรจากับสโมสรฟุตบอลอาชีพระดับลีกในประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน และอิตาลี เพื่อเป็นสปอนเซอร์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการนำเครื่องดื่มคาราบาวแดงเข้าไปให้บริการในคลับ หรือสโมสร ตลอดจนการติดโลโก้บนหน้าอกเสื้อที่ใช้ฝึกซ้อม หรือแข่งขัน ทั้งนี้แนวทางการทำตลาดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักคือการใช้กีฬาเป็นฐานสำคัญเพื่อขยายตลาดในยุโรป
อย่างไรก็ดีบริษัทวางเป้าหมายยอดขายปีนี้เติบโตที่ 10% จากที่ทำได้ 8.3 พันล้านบาทในปี 2558 ทั้งจะเริ่มเปิดตลาดต่างประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยุโรป เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจาก 30% เป็น 50% ภายในปี 2561
ด้านคู่แข่งอย่างกระทิงแดงก็ไม่น้อยหน้า ล่าสุดได้เตรียมความพร้อมในการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ให้เป็นคนรุ่นใหม่ เท่ จึงได้จัดแคมเปญ “แจกโชคเท่ สุด Extreme” ขึ้น ด้วยรางวัลมากมายกว่า 1,400 รางวัลมูลค่ารวมกว่า 4.7 ล้านบาท เพื่อให้โดนใจคนรุ่นใหม่ นำขบวนด้วย รถบิ๊กไบท์ ไทร์อัมพ์ รุ่นไทเกอร์ หมวกกันน๊อค พร้อมรางวัลที่ส่งตรงเข้ามาจาก Red Bull Racing ประเทศออสเตรียอีกมากมายนอกจากนี้ยังมีนาฬิกาEdifice แว่นกันแดด กระเป๋าเป้ เสื้อยืด และที่พิเศษสุด คือการได้ไปสัมผัสประสบการณ์สุด Exclusive กับ Red Bull Racing Team ริมสนามแข่ง รถ Formula 1ที่ประเทศญี่ปุ่น และที่สำคัญคือผู้โชคดีจะเดินทางไปแต่ตัว ทางกระทิงแดงจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย พร้อม Pocket Money ตั้งแต่วันนี้ - 14 กันยายน 2559
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,167 วันที่ 19 - 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559