ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป อึดถึกทน บนเส้นทางสายไหม (1)
เมื่อเร็วๆนี้ โตโยต้า พร้อมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยกิจกรรม "ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป ...บทพิสูจน์จริงระดับโลก" บนเส้นทางสายไหม เส้นทางค้าขายที่ยาวและเก่าแก่ที่สุดในโลก โดย"ฐานเศรษฐกิจ"เป็นหนึ่งในกลุ่มสื่อมวลชนที่ร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการพิสูจน์สมรรรถนะและคุณภาพระดับโลกของรถกระบะที่ผลิตโดยคนไทย โตโยต้าไฮลักซ์ รีโว่ 9 คัน จากกรุงเทพมหานคร ผ่านเส้นทางสายไหม ในทวีปเอเชีย ข้ามไปอวดโฉมถึงดินแดนตะวันตก ประเทศอิตาลี ในทวีปยุโรป ผ่าน 17 ประเทศ ระยะทางกว่า 19,250 กิโลเมตร โดยมีสื่อมวลชนรวม 5 ชุดทำหน้าที่นำพาหนะสุดแกร่งจากแดนขวานทองไปยังแดนรองเท้าบูท
[caption id="attachment_63308" align="aligncenter" width="500"]
ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป[/caption]
ผมรับหน้าที่ในสเตทแรก ขับรถจากจุดปล่อยตัวหน้าโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ตียาวรวดเดียว 930 กม. ไปยังอ.เชียงของ เชียงราย ก่อนที่วันรุ่งขึ้น วิ่งอีก 420 กม.ข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่สี่ไปยังแขวงบ่อแก้ว เมืองห้วยทราย สปป.ลาว ผ่านเมืองหลวงน้ำทา เข้าสู่ประเทศจีน ตรวจสภาพรถที่ขนส่ง ก่อนเข้าทางด่วนพิเศษสู่ เมืองเชียงรุ้ง หรือเมืองสิบสองปันนา มณฑลยูนาน วันที่สาม ระยะยาว 700 กม.ไปยังเมืองตงชวน ที่เริ่มเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญจากการเป็นแหล่งปลูกดอกไม้นานาพรรณ สีเหลืองของดอกมัสตาร์ด สีม่วงของมันสำปะหลัง ตัดกับพื้นดินที่เป็นสีแดง จึงเป็นที่มาของผืนดินสีแดงตงชวน เหมาะมากสำหรับนักถ่ายรูปมือฉมัง
[caption id="attachment_63310" align="aligncenter" width="500"]
ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป[/caption]
ตลอดเส้นทางทั้ง 3 วัน มีระยะทางและสภาพถนนเป็นอุปสรรคสำคัญ แต่รถหมายเลข 6 ที่ผมขับเป็น รีโว่ ดับเบิลแค็บ รุ่นเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ จึงได้ลองทั้งสภาพการจราจรติดขัด จนถึงสภาพถนนบางเขาที่เต็มไปด้วยทางชันและทางโค้งบนเขาสลับซับซ้อน ซึ่งอุปสรรคต่างๆเหล่านี้ ไม่ได้สร้างความปัญหาให้การขับขี่แต่อย่างใด เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2. 8 ลิตร รหัส IGD-FTV พร้อมเทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งแซงดุดัน ไม่ว่าเป็นทางพื้นราบหรือเขาสูงชัน
[caption id="attachment_63309" align="aligncenter" width="500"]
ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป[/caption]
วันที่ 4 ระยะทางจริง 750 กม. จากเมืองตงชวนมุ่งหน้าเมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน คณะคาราวานต้องขับรถขึ้นไปบนยอดเขาที่จุดชมวิวบนความสูงกว่า 1,900 เมตร ช่วงขาลง เป็นเลนสวนค่อนข้างแคบทางขึ้นมีโค้งตลอดทาง ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน หรือที่เรียกว่า DAC (Downhill Assist Control) ช่วยควบคุมแรงดันเบรกที่ล้ออัตโนมัติ ทำให้คณะคาราวานลงเนินชันด้วยความเร็วสม่ำเสมอโดยไม่ต้องแตะเบรก ทำให้การขับขี่ง่ายขึ้น แต่ความยุ่งยากเริ่มเกิดขึ้น เมื่อต้องผ่านตลาดท้องถิ่นที่ถนน แคบ ขรุขระ หลุมบ่อ ผ่านมาได้เก็ข้าสู่ทางด่วน ทุกคนเริ่มรู้สึกเบาใจ โดยหารู้ไม่ว่า บทพิสูจน์ความแกร่ง กำลังใกล้เข้ามาแล้ว เพราะเดินทางได้ไม่ไกล ก็เจอตำรวจปิดถนนเพราะหินถล่ม ทำให้ต้องเดินทางอ้อมไปเส้นทางอื่น และใช้เวลานานขึ้นอีก 2 ชั่วโมง จากเดิมจะต้องวิ่ง 200 กม. เป็น 400 กม.
แม้จะมืดค่ำแล้ว แต่คาราวานยังต้องเดินทางอีกไกล พยายามทำความเร็วเพิ่มขึ้น แต่ฝนก็เทลงมาซ้ำเติมอีก จึงต้องลดความเร็วลง เพราะถนนลื่นและเป็นทางลาดชัน แต่เมื่อฝนทวีความรุนแรงเป็นพายุลมแรงผสมลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก จนต้องลดความเร็วลงอีก
เนื่องจากเกรงว่า ลูกเห็บจะทำให้กระจกหน้าแตก ช่วงล่าง DCSที่ให้การตอบสนองดีเยี่ยมทั้งการทรงตัว ให้สมรรถนะสูงสุดเช่นเดียวกับรถ SUV ระดับหรู เกาะถนนได้หนึบ แน่น บางช่วงต้องหลบเลี่ยงกิ่งไม้ล้ม แอ่งน้ำเจิ่งขังบนผิวถนน ความรู้สึกของผมนึกถึงคาราวานค้าขายสมัยโบราณที่ขี่ม้าขี่อูฐเดินทาง เมื่อผจญพายุฝนกระหน่ำ พายุทรายถาโถม จะฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไป หรือ จะยอมศิโรราบให้ธรรมชาติ ดังนั้น ผมจึงเข้าใจเมื่อผู้นำทางคาราวานหมายเลข 01 ตัดสินใจว่า จะไม่ดันทุรังไปให้ถึงเมืองเฉินตู แต่จะแวะนอนในเมืองที่ใกล้ที่สุดคือเมืองยิบิน ซึ่งกว่าขบวนคาราวานจะเข้าสู่ที่พักได้ ก็เข้าสู่ 02.30 น.ของวันใหม่ ในสภาพที่อ่อนล้ากันถ้วนหน้า
โปรดติดตามตอนต่อไป ของไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป อึด ถึก ทน บนเส้นทางสายไหม (2)
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,167 วันที่ 19 - 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559
[caption id="attachment_63308" align="aligncenter" width="500"]
ผมรับหน้าที่ในสเตทแรก ขับรถจากจุดปล่อยตัวหน้าโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ตียาวรวดเดียว 930 กม. ไปยังอ.เชียงของ เชียงราย ก่อนที่วันรุ่งขึ้น วิ่งอีก 420 กม.ข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่สี่ไปยังแขวงบ่อแก้ว เมืองห้วยทราย สปป.ลาว ผ่านเมืองหลวงน้ำทา เข้าสู่ประเทศจีน ตรวจสภาพรถที่ขนส่ง ก่อนเข้าทางด่วนพิเศษสู่ เมืองเชียงรุ้ง หรือเมืองสิบสองปันนา มณฑลยูนาน วันที่สาม ระยะยาว 700 กม.ไปยังเมืองตงชวน ที่เริ่มเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญจากการเป็นแหล่งปลูกดอกไม้นานาพรรณ สีเหลืองของดอกมัสตาร์ด สีม่วงของมันสำปะหลัง ตัดกับพื้นดินที่เป็นสีแดง จึงเป็นที่มาของผืนดินสีแดงตงชวน เหมาะมากสำหรับนักถ่ายรูปมือฉมัง
[caption id="attachment_63310" align="aligncenter" width="500"]
ตลอดเส้นทางทั้ง 3 วัน มีระยะทางและสภาพถนนเป็นอุปสรรคสำคัญ แต่รถหมายเลข 6 ที่ผมขับเป็น รีโว่ ดับเบิลแค็บ รุ่นเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ จึงได้ลองทั้งสภาพการจราจรติดขัด จนถึงสภาพถนนบางเขาที่เต็มไปด้วยทางชันและทางโค้งบนเขาสลับซับซ้อน ซึ่งอุปสรรคต่างๆเหล่านี้ ไม่ได้สร้างความปัญหาให้การขับขี่แต่อย่างใด เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2. 8 ลิตร รหัส IGD-FTV พร้อมเทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งแซงดุดัน ไม่ว่าเป็นทางพื้นราบหรือเขาสูงชัน
[caption id="attachment_63309" align="aligncenter" width="500"]
วันที่ 4 ระยะทางจริง 750 กม. จากเมืองตงชวนมุ่งหน้าเมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน คณะคาราวานต้องขับรถขึ้นไปบนยอดเขาที่จุดชมวิวบนความสูงกว่า 1,900 เมตร ช่วงขาลง เป็นเลนสวนค่อนข้างแคบทางขึ้นมีโค้งตลอดทาง ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน หรือที่เรียกว่า DAC (Downhill Assist Control) ช่วยควบคุมแรงดันเบรกที่ล้ออัตโนมัติ ทำให้คณะคาราวานลงเนินชันด้วยความเร็วสม่ำเสมอโดยไม่ต้องแตะเบรก ทำให้การขับขี่ง่ายขึ้น แต่ความยุ่งยากเริ่มเกิดขึ้น เมื่อต้องผ่านตลาดท้องถิ่นที่ถนน แคบ ขรุขระ หลุมบ่อ ผ่านมาได้เก็ข้าสู่ทางด่วน ทุกคนเริ่มรู้สึกเบาใจ โดยหารู้ไม่ว่า บทพิสูจน์ความแกร่ง กำลังใกล้เข้ามาแล้ว เพราะเดินทางได้ไม่ไกล ก็เจอตำรวจปิดถนนเพราะหินถล่ม ทำให้ต้องเดินทางอ้อมไปเส้นทางอื่น และใช้เวลานานขึ้นอีก 2 ชั่วโมง จากเดิมจะต้องวิ่ง 200 กม. เป็น 400 กม.
แม้จะมืดค่ำแล้ว แต่คาราวานยังต้องเดินทางอีกไกล พยายามทำความเร็วเพิ่มขึ้น แต่ฝนก็เทลงมาซ้ำเติมอีก จึงต้องลดความเร็วลง เพราะถนนลื่นและเป็นทางลาดชัน แต่เมื่อฝนทวีความรุนแรงเป็นพายุลมแรงผสมลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก จนต้องลดความเร็วลงอีก
เนื่องจากเกรงว่า ลูกเห็บจะทำให้กระจกหน้าแตก ช่วงล่าง DCSที่ให้การตอบสนองดีเยี่ยมทั้งการทรงตัว ให้สมรรถนะสูงสุดเช่นเดียวกับรถ SUV ระดับหรู เกาะถนนได้หนึบ แน่น บางช่วงต้องหลบเลี่ยงกิ่งไม้ล้ม แอ่งน้ำเจิ่งขังบนผิวถนน ความรู้สึกของผมนึกถึงคาราวานค้าขายสมัยโบราณที่ขี่ม้าขี่อูฐเดินทาง เมื่อผจญพายุฝนกระหน่ำ พายุทรายถาโถม จะฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไป หรือ จะยอมศิโรราบให้ธรรมชาติ ดังนั้น ผมจึงเข้าใจเมื่อผู้นำทางคาราวานหมายเลข 01 ตัดสินใจว่า จะไม่ดันทุรังไปให้ถึงเมืองเฉินตู แต่จะแวะนอนในเมืองที่ใกล้ที่สุดคือเมืองยิบิน ซึ่งกว่าขบวนคาราวานจะเข้าสู่ที่พักได้ ก็เข้าสู่ 02.30 น.ของวันใหม่ ในสภาพที่อ่อนล้ากันถ้วนหน้า
โปรดติดตามตอนต่อไป ของไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป อึด ถึก ทน บนเส้นทางสายไหม (2)
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,167 วันที่ 19 - 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559