นพ.กรีชาติ พรสินสิริรักษ์ หัวหน้าศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลยันฮี กล่าวถึงสถานการณ์การแปลงเพศของประเทศไทยในปัจจุบันว่า มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับการยอมรับจากทั้งชาวไทยและต่างชาติว่า แพทย์ไทยเป็นผู้ที่มีฝีมือประณีต มีความเชี่ยวชาญจนเป็นที่ยอมรับ คาดว่า ภายในปีนี้ ยันฮีจะเป็นโรงพยาบาลที่มีจำนวนผู้แปลงเพศมากที่สุด ติดอันดับ 1 ใน 3 ของเอเชีย หรือจำนวนยอดผู้แปลงเพศ รวมทั้งสิ้น 1,500 รายตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ทำการผ่าตัดแปลงเพศ และคาดว่า ภายในสิ้นปี จะมีผู้มารับการแปลงเพศเพิ่มอีก 10 %
สำหรับการพิจารณาบุคคลที่มีคุณสมบัติและสภาวะจิตใจที่พร้อมต่อการเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ จะต้องรับการตรวจและทดสอบจากจิตแพทย์ว่า มีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. ได้ดำรงชีวิตแบบหญิงติดต่อกันกว่า 1 ปีขึ้นไป 2. เคยใช้ชีวิตเป็นหญิงอย่างสมบูรณ์ที่คนรอบข้างยอมรับได้ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่มีความกดดันใด ๆ 3. มีความรู้สึกเป็นหญิงมานานแล้ว หรืออาจจะเริ่มตั้งแต่จำความได้ 4. มีความรู้สึกรังเกียจอวัยวะเพศชายของตัวเอง และคิดว่ามันเป็นของส่วนเกิน 5. มีความรู้สึกไม่ชอบพฤติกรรมของพวกรักร่วมเพศ 6. เคยรับประทานฮอร์โมนเพศหญิงมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในรูปของยารับประทาน หรือยาฉีด เพราะโดยทั่วไปแล้ว ถ้าไม่ได้ตั้งใจจริงที่ต้องการจะเป็นหญิง คงไม่มีผู้ชายคนใดที่นำยาฮอร์โมนเพศหญิงมารับประทาน 7. ได้ผ่านการประเมินสภาพจิตใจว่าอยู่ในภาวะที่ปกติและพร้อมต่อการผ่าตัดโดยจิตแพทย์ และให้ใบรับรอง สำหรับการผ่าตัดอย่างถูกต้องตามหลักการทดสอบสภาพจิต