TPCH ชี้หาก“โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก”เปลี่ยนระบบขายไฟจาก Adder เป็น FiT หนุนรายได้เพิ่ม        

14 มิ.ย. 2559 | 08:05 น.
นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) เปิดเผยว่า หากนโยบายภาครัฐอนุมัติให้เปลี่ยนการรับซื้อไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จากระบบ Adder เป็นระบบ Feed in Tariff (FiT)  จะส่งผลให้บริษัทฯได้ค่าไฟเพิ่มขึ้นหน่วยละประมาณ 1.34 บาท หรือส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 70-80 ล้านบาท และทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 100%  ซึ่งเปรียบเสมือนได้โรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มอีกหนึ่งแห่ง

ปัจจุบัน TPCH มีโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 7 แห่ง กำลังการผลิต 106 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นโครงการที่ขายไฟฟ้าแล้ว 30 เมกะวัตต์ โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 30 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 46 เมกะวัตต์  ประกอบด้วย 1.โรงไฟฟ้าช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) 2.โรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE) 3.โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์   (MGP) 4.โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน  (TSG) 5.โรงไฟฟ้าชีวมวลพัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) 6.โรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) และ 7.โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน  (PTG)  จึงมั่นใจว่าแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลให้ได้  200       เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้าจะทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน

“ในปีนี้ยังคงคาดว่ารายได้จะเติบโต 150%  จากปี 2558 ที่ทำได้ 304.90  ล้านบาท หลังไตรมาส 1 ผลประกอบการออกมาในทิศทางที่ดีและแนวโน้มไตรมาส 2 ก็คาดว่าจะออกมาในทิศทางที่ดีเช่นกัน  โดยได้รับปัจจัยบวกจากโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 แห่ง คือ ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) ,แม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE) และมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP)  ที่เดินเครื่องจ่ายไฟได้เรียบร้อยแล้วและช่วงที่เหลือของปีนี้ มีโรงไฟฟ้าทุ่งสัง กรีน จะเดินเครื่องจ่ายไฟ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้เข้ามาเพิ่มอีกด้วย”  นายเชิดศักดิ์ กล่าวในที่สุด

อนึ่ง ไตรมาส 1/2559 บริษัทฯ มีรายได้รวม 132.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.39 ล้านบาท หรือ 124.85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 58.78 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 31.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.94 ล้านบาท หรือ 2,217% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1.35 ล้านบาท