ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศไทยฟันรายได้กว่า3พันล้าน

13 มิ.ย. 2559 | 10:52 น.
กรมการท่องเที่ยว แถลงจัด เทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย ครั้งที่ 4 Thailand International Film Destination Festival 2016 : TIFDF2016 ภายใต้แนวคิด “Best Vision Best Destination” โดยการถ่ายทอดมุมมองผู้สร้างภาพยนตร์ที่ดีที่สุด ผ่านจุดหมายปลายทางและสถานที่ถ่ายทำที่ดีที่สุด ด้วยการผสานความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของ “ความเป็นไทย Thainess” มาถ่ายทอดผ่านสื่อภาพยนตร์  พร้อมประกาศความสำเร็จที่ประเทศไทยขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่งของเอเชีย ที่ใช้เป็นจุดหมายของการถ่ายทำภาพยนตร์มากที่สุด ผลักดัน 8 เขตพัฒนาการท่องเที่ยวในประเทศไทย ให้เป็นโลเคชั่นใหม่สำหรับวงการการถ่ายทำภาพยนตร์โลก สู่การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวทั่วไทย ดึงทีมนักศึกษาด้านภาพยนตร์จากทั่วโลกร่วมแข่งขันทำภาพยนตร์สั้นเพื่อเผยแพร่เรื่องราวและความงดงามของประเทศไทยสู่สายตาชาวโลก

นางกอบกาญจน์  วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องของการท่องเที่ยวโดยตรง โดยมีนโยบายการท่องเที่ยว ที่มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ให้ประเทศ การกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น การพัฒนาคุณภาพคนไทย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสวยงามและหลากหลายในประเทศไทย  ซึ่งอุตสาหกรรมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยนั้น มีความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นการนำเม็ดเงินมหาศาลเข้าประเทศ แต่ยังเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการเผยแพร่ภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามของประเทศไทยสู่สายตาชาวโลกอีกด้วย”

“สำหรับในปีนี้ เทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทยหรือ Thailand International Film Destination Festival 2016” ได้สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด “Best Vision Best Destination”  โดยการถ่ายทอดมุมมองผู้สร้างภาพยนตร์ที่ดีที่สุด ผ่านจุดหมายปลายและสถานที่ถ่ายทำที่ดีที่สุด ด้วยการผสานความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของ “ความเป็นไทย Thainess” มาถ่ายทอดผ่านสื่อภาพยนตร์  โดยนำเสนอในรูปแบบภูมิปัญญาท้องถิ่นที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ ซึ่งจะสะท้อนวิถีชีวิตของคนไทย ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ความรัก ความสามัคคี และความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิตรไมตรีของคนไทย ให้เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทีมงานไทยและสถานที่ที่จะเป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำที่โดดเด่นไม่เหมือนชาติใด” นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเสริม

ทั้งนี้  “เทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทยหรือ Thailand International Film Destination Festival 2016”
มีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการจัดกิจกรรมนี้ ได้มีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2556 โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อเป็นช่องทางในการดึงดูดกลุ่มคนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และผู้ที่สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้มาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย

นอกจากนี้ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ที่ได้มีการจัดกิจกรรมเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่อง พบว่า มีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปี 2558 มีกองถ่ายต่างชาติเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยทั้งหมด 724 เรื่อง สร้างรายได้เข้าประเทศ 3,164.30 ล้านบาท โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่มีกองถ่ายภาพยนตร์มาใช้เป็นโลเคชั่นมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเซีย อย่างที่ผ่านมาได้มีกองถ่ายฮอลลีวูดมาใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ เช่น เรื่อง No Escape ที่นำแสดงโดย โอเว่น วิลสัน, The Railway Man,The Impossible 2004 เป็นต้น นั่นเป็นเพราะประเทศไทยมีสถานที่ถ่ายทำที่มีความโดดเด่นและสวยงาม รวมถึงศักยภาพและความพร้อมของทีมงานไทย และที่สำคัญที่สุดคือความเชื่อมั่นของกองถ่ายภาพยนตร์”

ด้าน นางสาววรรณสิริ โมรากุล อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า “การจัดกิจกรรมในปีนี้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ โดยมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดที่อยู่ภายใต้ 8 เขตพัฒนาการท่องเที่ยว ตามยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2558 – 2560 เพื่อให้สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์แห่งใหม่ในประเทศไทย
เป็นที่รู้จักแก่ผู้ที่สนใจเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทในประเทศไทยมากขึ้น โดยการจัดกิจกรรมเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2559 จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 4 – 13 กรกฏาคม 2559  โดยมีกิจกรรม
ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ดังนี้

1) การแข่งขันการถ่ายทำภาพยนตร์สั้นในประเทศไทย กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่4 – 12 กรกฏาคม 2559โดยในปีนี้มีนักศึกษาด้านภาพยนตร์จากทั่วโลกสนใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 200 ทีม  ซึ่งมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ด้านภาพยนตร์ ร่วมกันคัดเลือกให้เหลือ32 ทีม โดยแต่ละทีมประกอบด้วยผู้เข้าแข่งขัน 3 คน ได้แก่ นักศึกษาที่กำลังศึกษา
ด้านภาพยนตร์ เป็นนักศึกษาชาวต่างชาติ 2 คน ทำหน้าที่ผลิตภาพยนตร์ และนักศึกษาไทย 1 คน ทำหน้าที่เป็น Production Assistant หรือผู้ช่วยการผลิต ซึ่งมีความเข้าใจในงานถ่ายทำภาพยนตร์และมีหน้าที่ในการประสานงานกับสถานที่ถ่ายทำต่าง ๆ เพื่อสร้างรูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานต่างชาติและทีมงานไทย และที่สำคัญเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานด้านภาพยนตร์ด้วย โดยในปีนี้โจทย์การแข่งขันภายใต้แนวคิด “Best Vision Best Destination” โดยการถ่ายทอดมุมมองที่ดีที่สุด ผ่านสถานที่ถ่ายทำที่ดีที่สุด ด้วยการนำความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของ “ความเป็นไทย (Thainess)” มาถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์สั้น ซึ่งกำหนดให้ผู้เข้าแข่งขันเลือกถ่ายทำในจังหวัดที่อยู่ภายใต้ 8 เขตพัฒนาการท่องเที่ยวตามยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว พ.ศ. 2558 – 2560

2) การจัดฉายภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในประเทศไทย กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 12 กรกฏาคม 2559 ณ โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ซึ่งจะนำภาพยนตร์ต่างประเทศที่เคยถ่ายทำในประเทศไทยมาฉายให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยในปีนี้จะจัดฉายภาพยนตร์ทั้งสิ้น 14 เรื่อง จาก 10 ประเทศ ซึ่งมีภาพยนตร์หลายเรื่องยังไม่เคยฉายในประเทศไทยมาก่อน

3) การประกาศรางวัลการแข่งขันการถ่ายทำภาพยนตร์สั้นในประเทศไทย กำหนดจัดขึ้นในวันพุธที่ 13 กรกฏาคม 2559 ณ โรงละครแห่งชาติ ในปีนี้ได้รับเกียรติจากดาราชื่อก้องโลกมากมายที่จะมาร่วมงานในครั้งนี้ โดยการปรากฏตัวของเหล่าดาราระดับโลกในงานครั้งนี้ จะทำให้เทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วโลก

กิจกรรมทั้งหมดนี้ มีกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ กลุ่มนักศึกษาทั้งไทยและต่างประเทศที่กำลังศึกษาด้านภาพยนตร์ ที่จะเป็นคลื่นลูกใหม่ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลก รวมไปถึงทีมผู้สร้าง ผู้ผลิตภาพยนตร์ และบุคคลผู้สนใจทั้งรายใหม่และรายเดิม โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อการเผยแพร่ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในด้านแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม ปลอดภัย สามารถรองรับนักท่องเที่ยวและศักยภาพของทีมงานไทยที่สามารถตอบโจทย์การทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งหมดนี้มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ และคาดหวังการเดินทางเข้ามาถ่ายทำของเหล่าผู้แข่งขันและกองถ่ายภาพยนตร์จากนานาประเทศในอนาคตต่อไป”