ที่ดินพุ่งดันบ้านแฝดโต โกลเด้นแลนด์ลั่นภายใน 2 ปีแซงหน้าพฤกษา

14 มิ.ย. 2559 | 02:00 น.
กูรูอสังหาฯ ชี้จับตาตลาดบ้านแฝดแนวโน้มเติบโต เหตุราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลบ้านเดี่ยวราคาแพงเกินเอื้อมสำหรับผู้บริโภคระดับกลาง ด้านโกลด์เด้นแลนด์สบช่องประกาศชิงแชร์เจ้าตลาด "พฤกษา" ลั่นภายใน 2 ปีขึ้นแท่นเบอร์ 1 ตลาดบ้านแฝดด้วยยอดขาย 3พันล้าน

[caption id="attachment_61838" align="aligncenter" width="700"] บ้านแฝดที่เปิดขายปี 2555 - เมษายน 2559 บ้านแฝดที่เปิดขายปี 2555 - เมษายน 2559[/caption]

นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ตลาดบ้านแฝดในช่วงประมาณ 3 – 4 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายรายพยายามออกแบบบ้านแฝดให้มีบรรยากาศแบบบ้านเดี่ยวมากขึ้น จนแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจากบ้านเดี่ยว
ถ้าไม่พิจารณาจากขนาดของที่ดินที่เล็กกว่า ทำให้ความนิยมในบ้านแฝดค่อนข้างสูง ผู้ประกอบการหลายรายพยายามสรรหาคำเรียกบ้านในลักษณะนี้ว่า "บ้านเดี่ยวอารมณ์ใหม่" "บ้านเดี่ยวรูปใหม่" "บ้านแฝดอารมณ์บ้านเดี่ยว" เพื่อต้องการสื่อว่านี่ไม่ใช่บ้านแฝด

ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบ้านแฝด พบว่า มีจำนวนรวมของบ้านแฝดที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี 2550 -เมษายน 2559 อยู่ที่ประมาณ 14,796 หน่วย ขายไปได้แล้วประมาณ 76% มีเหลือขายอยู่ไม่มากคือประมาณ 3,500 หน่วย โดยส่วนใหญ่จะมีราคาขายอยู่ที่ประมาณกว่า 3 ล้านบาทต่อหน่วย โดยสัดส่วนที่มากที่สุดจะอยู่ที่ประมาณ 3 – 5 ล้านบาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นสัดส่วนที่ 65%

เนื่องจากว่าเป็นราคาที่เหมาะสมที่สุด อาจจะมีบางโครงการที่ขายแพงหรือต่ำกว่านี้ แต่ก็เป็นส่วนน้อย บ้านแฝดต้องมีราคาที่ต่ำกว่าบ้านเดี่ยว แต่สูงกว่าหรือเทียบเท่ากับทาวน์เฮ้าส์ ไม่อย่างนั้นจะขายยากขึ้น ทำเลที่นิยมเปิดขายคือทำเลเดียวกับบ้านจัดสรรทั่วๆ ไป คือทำเลกรุงเทพฯรอบนอก-ชานเมือง อาจมีโครงการในกรุงเทพฯชั้นในบ้าง แต่ราคาขายมากกว่า 70 ล้านบาทต่อหน่วย เนื่องจากที่ดินมีราคาสูง

สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ที่มีโครงการบ้านแฝดเปิดขายมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) รองลงมาคือ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์)จำกัด (มหาชน) บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท มั่นคง เคหะการ จำกัด (มหาชน)โดย บมจ.พฤกษามีโครงการบ้านแฝดเปิดขายในตลาดมากที่สุดในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา

"ภาพรวมของตลาดบ้านแฝดอาจจะดูแล้วลดความนิยมลงไปบ้างในช่วงไม่ปีที่ผ่านมา แต่ยังมีอยู่ในตลาดผู้ซื้อกลุ่มที่มีกำลังซื้อไม่มากพอสำหรับบ้านเดี่ยว แต่ไม่อยากอยู่ทาวน์เฮ้าส์ ทำให้บ้านแฝดเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด และมีแนวโน้มที่จะเติบโตในอนาคต เนื่องจากราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง"นายสุรเชษฐ กล่าว

ด้าน นายภวรัญชน์ อุดมศิริ กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝด บริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า เดิมความนิยมในสินค้าประเภทบ้านแฝดยังไม่สูง เนื่องจากผู้บริโภคมองว่าราคาบ้านแฝดและบ้านเดี่ยวไม่แตกต่างกันมาก จึงนิยมซื้อบ้านเดี่ยวมากกว่า หรือหันไปซื้อทาวน์เฮ้าส์แทนเนื่องจากราคาถูกกว่า

แต่ด้วยราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ราคาบ้านเดี่ยวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จากเดิมที่สามารถซื้อบ้านเดี่ยวในราคา 3 ล้านบาทได้ แต่ปัจจุบันบ้านเดี่ยวราคาขายเริ่มต้นที่กว่า 5 ล้านบาท ทำให้เกิดช่องว่างของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในระดับราคา 3- 5 ล้านบาทมากขึ้น
ประกอบกับการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานของบ้านแฝดในปัจจุบันใกล้เคียงกับบ้านเดี่ยว ผู้บริโภคจึงหันมาซื้อบ้านแฝดแทน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของบ้านแฝดที่จะเข้ามาชิงมาร์เก็ตแชร์ของตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวม

ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงหันมาทำตลาดบ้านแฝดอย่างจริงจัง เพราะช่องว่างทางการตลาดยังมีอีกมากและยังไม่มีบริษัทไหนลงมาทำตลาดนี้อย่างจริงจัง แม้แต่เจ้าตลาดอย่างบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ก็ไม่ได้โฟกัสตลาดนี้ชัดเจน บริษัทจึงเห็นเป็นโอกาสอันดีที่จะรุกตลาดอย่างจริงจัง

"โดยคาดว่าภายในระยะเวลา2 ปี บริษัทจะเป็นเบอร์ 1 ที่มีมาร์เก็ตแชร์ของสินค้ากลุ่มนี้ด้วยยอดขาย 3 พันล้านบาท จากมูลค่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ประมาณกว่า 1.7 หมื่นล้านบาทต่อปี ผ่านกลยุทธ์การรุกตลาดทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด พร้อมการอกแบบที่ตอบโจทย์ ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มบ้านแฝดที่ประมาณ 2 พันล้านบาท จากเป้ารายได้รวม 1 หมื่นล้านบาท" นายภวรัญชน์ กล่าว

อนึ่ง จากการแถลงผลการดำเนินงานของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ประจำไตรมาส 1/2559 พบว่า จากยอดขายรวม 9,825 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 10,283 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ (บ้านแฝดจัดอยู่ในกลุ่มนี้) จำนวน 5,327 ล้านบาท และคิดเป็นรายได้ที่ 4,709 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,165 วันที่ 12 - 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559