พาณิชย์ ไฟเขียวทบทวนเก็บภาษีเอดีสินค้ากระเบื้อง

09 มิ.ย. 2559 | 12:02 น.
พาณิชย์ ไฟเขียวทบทวนเก็บภาษีเอดีสินค้ากระเบื้องปูพื้นและติดผนังจากจีนต่ออีก 1 ปี ในอัตราเดิม 2.18-35.49% หลังพบยังมีการทุ่มตลาด สร้างความเสียหายให้อุตฯภายในของไทย

นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะเลขานุการและกรรมการคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯได้มีมติให้เปิดทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) สินค้ากระเบื้องปูพื้นและติดผนังที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน ตามมาตรา 57 พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 โดยจะเรียกเก็บอากรเอดีสินค้าดังกล่าวต่ออีก 1 ปี หลังจากที่มีการเรียกเก็บอากรเอดีมาแล้ว 5 ปี หรือตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2554 ซึ่งจะหมดระยะเวลาที่ใช้มาตรการมาแล้ว 5 ปีภายในเดือนมิ.ย. 2559 นี้

ทั้งนี้ การทบทวนเรียกเก็บอากรเอดีสินค้ากระเบื้องปูพื้นและติดผนังจากจีนต่ออีก 1 ปี จะใช้ในอัตราเดิม คือ 2.18-35.49% ของราคาซีไอเอฟ และได้มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามคำร้องขอของกลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่พบว่ามีมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาด สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมในประเทศจริง และหากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด จะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไป หรือทำให้การทุ่มตลาดเพิ่มขึ้นมากอีก จึงได้เปิดให้มีการทบทวนและการดำเนินการให้เป็นไปตามหลักปฏิบัติขององค์การการค้าโลก (WTO)

สำหรับการพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเหล็ก กรมได้ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการไต่สวนอย่างเข้มงวด ชัดเจน เจ้าหน้าที่ผู้ไต่สวนได้ปฏิบัติตามกฎ กติกา และข้อมูลหลักฐานที่ได้รับจากทุกฝ่ายอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน และไม่มีอำนาจที่จะชะลอหรือกลั่นแกล้ง เพื่อให้การไต่สวนล่าช้าหรือเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ทั้งนี้ การไต่สวนกรณีตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนจะใช้ข้อมูลที่ได้จากการตอบแบบสอบถามของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและข้อมูลอื่น ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือและผ่านการตรวจสอบมาแล้ว ซึ่งเมื่อกรมได้ประมวลข้อเท็จจริงและผลการไต่สวนแล้วเสร็จ จะต้องเสนอให้คณะกรรมการทตอ. พิจารณาวินิจฉัย เพื่อใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนต่อไป ไม่สามารถทำการบิดเบือนข้อมูล เพื่อโอนเอียงเข้าข้างผู้หนึ่งผู้ใดได้

“ที่มีข่าวข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ไต่สวนมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม มีพฤติกรรมโอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และรับผลประโยชน์จากบริษัทต่างชาตินั้น ขอยืนยันว่าเป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอยและไม่เป็นความจริง ซึ่งกรมได้ดำเนินการไต่สวนฯตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง” นางดวงพรกล่าว

อย่างไรก็ตาม หากอุตสาหกรรมภายในประเทศยังมีความกังวลใจหรือไม่เข้าใจในเรื่องการไต่สวนการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าจากประเทศต่างๆ หรือมีหลักฐานความไม่ชอบมาพากลในเรื่องใด สามารถหารือกับอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศได้โดยตรง และหากมีข้อมูลหรือหลักฐานว่าข้าราชการกระทรวงพาณิชย์คนใดทุจริตคอร์รัปชั่น ควรส่งหลักฐานให้กระทรวงพาณิชย์ทันที เพื่อที่จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ที่ทำการทุจริตคอร์รัปชั่นต่อไป

 

ทั้งนี้การไต่สวนกรณีตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนจะใช้ข้อมูลที่ได้จากการตอบแบบสอบถามของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและข้อมูลอื่น ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือและผ่านการตรวจสอบมาแล้ว ซึ่งเมื่อกรมได้ประมวลข้อเท็จจริงและผลการไต่สวนแล้วเสร็จ จะต้องเสนอให้คณะกรรมการทตอ. พิจารณาวินิจฉัย เพื่อใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนต่อไป ไม่สามารถทำการบิดเบือนข้อมูล เพื่อโอนเอียงเข้าข้างผู้หนึ่งผู้ใดได้

“ที่มีข่าวข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ไต่สวนมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม มีพฤติกรรมโอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และรับผลประโยชน์จากบริษัทต่างชาตินั้น ขอยืนยันว่าเป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอยและไม่เป็นความจริง ซึ่งกรมได้ดำเนินการไต่สวนฯตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง” นางดวงพรกล่าว

อย่างไรก็ตาม หากอุตสาหกรรมภายในประเทศยังมีความกังวลใจหรือไม่เข้าใจในเรื่องการไต่สวนการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าจากประเทศต่างๆ หรือมีหลักฐานความไม่ชอบมาพากลในเรื่องใด สามารถหารือกับอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศได้โดยตรง และหากมีข้อมูลหรือหลักฐานว่าข้าราชการกระทรวงพาณิชย์คนใดทุจริตคอร์รัปชั่น ควรส่งหลักฐานให้กระทรวงพาณิชย์ทันที เพื่อที่จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ที่ทำการทุจริตคอร์รัปชั่นต่อไป