‘โค-เวิร์กกิ้งสเปซ’โตต่อเนื่อง รับเทรนด์กลุ่มสตาร์ตอัพ/SMEs

11 มิ.ย. 2559 | 02:00 น.
โค-เวิร์คกิ้ง สเปซ รูปแบบใหม่ของพื้นที่สำนักงาน ทางเลือกของกลุ่มสตาร์ท-อัพ และ SME เติบโตต่อเนื่อง เพียงแค่มีอินเตอร์เน็ต พื้นที่เล็กๆ ก็สามารถทำงานได้ คล่องตัวกว่าอาคารสำนักงาน

[caption id="attachment_60456" align="aligncenter" width="700"] จำนวนของโค-เวิร์กกิ้งสเปซ โตต่อเนื่องรับเทรนด์กลุ่มสตาร์ตอัพ SMEs จำนวนของโค-เวิร์กกิ้งสเปซ โตต่อเนื่องรับเทรนด์กลุ่มสตาร์ตอัพ SMEs[/caption]

นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯช่วง 6 – 7 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราว่างเฉลี่ยน้อยกว่า 10% ถือว่าต่ำที่สุดในช่วงมากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าเช่าปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 – 4 ปี ค่าเช่าที่สูงขึ้นจะเกิดขึ้นในทำเลที่ไม่ไกลจากเส้นทางรถไฟฟ้า ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของบริษัทขนาดเล็ก สตาร์ท-อัพ และ SME

นอกจากนั้นธุรกิจสตาร์ท-อัพหรือ SME อาจจะยังไม่พร้อมหรือมั่นใจพอที่จะเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงาน ดังนั้นโค-เวิร์คกิ้งสเปซ จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนที่ทำงานฟรีแลนซ์ที่ต้องการพื้นที่ทำงานที่ดูเป็นทางการกว่าที่บ้านแต่ไม่จริงจังแบบพื้นที่สำนักงานในรูปแบบเดิมและมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการทำงานรวมทั้งมีภาพลักษณ์ที่ดูดี นอกจากนี้โค-เวิร์คกิ้งสเปซ ยังมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากกว่าเซอร์วิสออฟฟิศ และที่สำคัญที่สุดคือมีค่าเช่าที่ต่ำกว่า ซึ่งโดยทั่วไปจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเป็นพื้นที่ทำงาน เช่น โต๊ะทำงาน ระบบ wi-fi ความเร็วสูง ห้องประชุม รวมทั้งพริ๊นเตอร์และอุปกรณ์สำนักงานอื่นๆ

โค-เวิร์คกิ้ง สเปซเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายปีก่อนหน้านี้ทั่วโลก ผู้ใช้ส่วนใหญ่คือคนที่สามารถทำงานผ่านอินเตอร์เน็ตรวมทั้งพวกฟรีแลนซ์และธุรกิจสตาร์ท-อัพ และมีจำนวนไม่น้อยที่ผู้ใช้เป็นนักท่องเที่ยวที่สามารถทำงานที่ใดก็ได้ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตได้ ดังนั้นรูปแบบของโค-เวิร์คกิ้งสเปซจึงเป็นที่ยอมรับในวงกว้างไปทั่วโลก ทำให้จำนวนของโค-เวิร์คกิ้งสเปซเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในสหรัฐ อเมริกา ยุโรป และทั่วเอเซียรวมทั้งในประเทศไทย

สำหรับความนิยมของโค-เวิร์คกิ้ง สเปซในประเทศไทยเริ่มมีมากขึ้นตามกระแสโลก หลังจากที่พื้นที่รอบนอกโดนน้ำท่วมในช่วงไตรมาส 4/2554 คนจำนวนมากไม่สามารถเดินทางไปทำงานที่บริษัท ดังนั้นจึงทำงานที่บ้านแทน หลังจากนั้นโค-เวิร์คกิ้ง สเปซจึงเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในกรุงเทพฯ ซึ่งสอดรับกับจำนวนของฟรีแลนซ์หรือคนที่สามารถทำงานที่บ้านได้เพิ่มขึ้นทุกปีซึ่งโค-เวิร์คกิ้ง สเปซมีความเหมาะสมกับคนที่ทำงานในกลุ่มนี้

ผู้ให้บริการโค-เวิร์คกิ้ง สเปซในประเทศไทย ขยายการให้บริการของตนเองไปในทำเลใหม่ และมีรูปแบบใหม่ๆ ออกมารวมทั้งมีการร่วมทุนกับพันธมิตรอื่นๆ โดยเฉพาะในอนาคตอีก 1 – 2 ปีข้างหน้า ซึ่งในเรื่องนี้ นายสุรเชษฐ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "ทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่า การยอมรับว่าโค-เวิร์คกิ้ง สเปซเป็นอีกรูปแบบของสถานที่ทำงานจะขยายไปในวงกว้างมากขึ้นในประเทศไทย แม้ว่าจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งในตลาดอาคารสำนักงานเท่านั้น ผลกระทบที่อาจจะมีต่ออาคารสำนักงานแบบทั่วไปคือการออกแบบหรือว่าการจัดการอาคารสำนักงานที่จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น คงไม่เหมือนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโครงการค้าปลีกแบบเดิมๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของช็อปปิ้งออนไลน์"

Photo : Pixabay
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,164 วันที่ 9 - 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559