เอกชนติงระบายข้าว2ล้านตัน ชี้มากไประวังถูกกดราคา/แต่ระบุช่วงเวลาเหมาะสม

08 มิ.ย. 2559 | 01:30 น.
เอกชนเห็นพ้องพาณิชย์ระบายข้าวล็อตใหญ่ ชี้จังหวะเหมาะสมข้าวขาดตลาด “ชูเกียรติ” ติงระบายครั้งละล้านตันน่าจะเหมาะสมกว่า หากมากไปอาจถูกกดราคา “เจริญ” ชี้จากนี้ถึงเดือนกันยายนยังระบายได้อีก2-3 ล้านตัน ก่อนข้าวนาปรังรอบ 2 ออก โรงสีแนะรัฐอย่าขายราคาตํ่ากว่าการระบายครั้งก่อน เหตุจะทำให้ผู้ซื้อก่อนหน้าขาดทุน ไม่จูงใจร่วมครั้งต่อไป ขณะส่งออกข้าวครึ่งหลังแข่งเดือด หลังแอฟริกา ฟิลิปปินส์ อินโดฯขยับซื้อ

จากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.)ได้เห็นชอบให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ออกประกาศประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเป็นการทั่วไปครั้งที่ 4/2559 ปริมาณ 2.24 ล้านตัน ซึ่งเป็นการเปิดประมูลในปริมาณมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมานั้น

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ถึงการเปิดประมูลข้าวล็อตใหญ่ของกระทรวงพาณิชย์ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมเพราะไทยจะเริ่มมีข้าวในฤดูการผลิตใหม่ออกมาในช่วงเดือนกันยายน ดังนั้นจึงไม่กระทบกับราคาข้าวเปลือกของเกษตรกร ประกอบกับผลผลิตข้าวนาปี 2558 ที่ผ่านมาผลผลิตข้าวทั่วประเทศเสียหายไป 20-30% ของภาพรวมทำให้ซัพพลายลดลง อย่างไรก็ดีการประมูลเพื่อระบายข้าวในสต๊อกครั้งนี้ถึง 2.24 ล้านตันนั้น มองว่ามากไปควรระบายครั้งละล้านตันน่าจะเหมาสม เพราะรอบก่อนก็มีการระบายไปแล้วเกือบ 8 แสนตัน การระบายสูงถึง 2.24 ล้านตัน อาจทำให้ผู้ซื้อไม่กล้าซื้อในราคาที่สูง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลขายข้าวได้ราคาต่ำกว่ารอบที่ผ่านมา ซึ่งก็มีผลในแง่ของจิตวิทยา

"การประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลส่วนใหญ่เอกชนประมูลแล้วจะเน้นขายในประเทศ เพราะคนไทยนิยมทานข้าวเก่า อย่างข้าวถุงก็ผสมข้าวเก่า 20-30% บางส่วนที่ไม่ได้คุณภาพก็เอาเข้าภาคอุตสาหกรรม ส่วนตลาดข้าวต่างประเทศยังคงเป็นแอฟริกาที่ยังนิยมรับประทานข้าวเก่า ส่วนตลาดฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียก็ยังคงมีความต้องการคาดว่าหลังจากนี้น่าจะมีการส่งซื้อเข้ามา ในขณะที่ราคาข้าวขาว(5%)เอฟโอบีส่งออกของไทยเทียบกับข้าวเวียดนามเรายังแพงกว่า โดยขณะนี้ข้าวเวียดนามเฉลี่ยที่ 375-380 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ข้าวไทยอยู่ที่ 440-450 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนข้าวปากีสถานแพงกว่าข้าวไทย 10 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ดังนั้นการส่งออกหลังจากนี้จะเข้มข้นขึ้น"

สอดคล้องกับร.ต.ท. เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ที่กล่าวว่า การเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเวลานี้ มองว่ามีความเหมาะสมที่จะระบายเนื่องจากตลาดยังมีความต้องการ ประกอบกับผลผลิตข้าวที่ออกสู่ตลาดน้อยจากภัยแล้ง ทำให้การระบายข้าวออกมาจึงไม่น่ากระทบกับราคาตลาดที่ปัจจุบันราคาข้าวในตลาดถือว่าค่อนข้างสูง โดยข้าวสารขาว 5% อยู่ที่ตันละ 1.4 หมื่นบาท จากต้นเดือนพฤษภาคมซึ่งอยู่ตันละ 1.1 หมื่นบาท ส่วนข้าวสารหอมมะลิ อยู่ที่ตันละ 2.4-2.5 หมื่นบาท จากเดิมตันละ 2.3 หมื่นบาท ส่วนราคาข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ตันละ 9.5 พันบาท จากเดิมตันละ 7.5 พันบาท

"ช่วงเวลา 3-4 เดือนนับจากนี้ เป็นช่วงเวลาเหมาะที่รัฐจะระบายข้าวในสต๊อก เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวของชาวนายังไม่ออกสู่ตลาด ซึ่งฝนที่เริ่มตกลงมาในระยะนี้ชาวนาอาจทำนาปรังรอบ 2 กันเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเก็บเกี่ยวประมาณเดือนกันยายน ดังนั้นรัฐจะมีเวลาระบายอีก 2-3 ล็อต นับจากนี้หรือได้อีกประมาณ 2-3 ล้านตัน ซึ่งจะช่วยให้รัฐบริหารจัดการข้าวในสต๊อกได้ง่ายขึ้น และจะลดความกดดันต่อราคาข้าวในตลาด ส่งผลให้ราคาข้าวกลับสู่ภาวะปกติเป็นไปตามดีมานด์และซัพพลาย"

ขณะนายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ เลขาธิการสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับการระบายข้าวในช่วงนี้แต่รัฐบาลควรพิจารณาราคาข้าวให้เหมาะสม โดยต้องไม่ให้ต่ำกว่าราคาขายในการระบายครั้งก่อนๆ เพราะจะทำให้ผู้ซื้อก่อนหน้านี้ประสบปัญหาขาดทุนทันที และจะไม่จูงใจให้เกิดการเข้าประมูลครั้งต่อๆไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,163 วันที่ 5 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559