'ฟินเทค' บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ตัวช่วยมาร์เก็ตติ้ง 800 คน

09 มิ.ย. 2559 | 01:00 น.
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) เป็นโบรกเกอร์หรือนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง จากจำนวนสมาชิกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีทั้งสิ้น 39 บริษัท โดยปี 2558 บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ มีส่วนแบ่งตลาด 8.65% มีฐานลูกค้า 170,000 บัญชี นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งใน 5 โบรกเกอร์ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่โดดเด่นเพื่อให้บริการลูกค้าสำหรับใช้เป็นเครื่องมือในการซื้อขายหุ้น

จากกระแส"ฟินเทค"ที่มาแรง บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯพัฒนาตัวเองอย่างไรเพื่อรักษาบัลลังก์โบรกเกอร์ทีมีส่วนแบงตลาดเบอร์1vอ่านได้จากบทสัมภาษณ์"มนตรี ศรไพศาล" ประธานเจ้าหน้าบริหาร บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซึ่ง"ฐานเศรษฐกิจ" นำเสนอบรรทัดถัดจากนี้

ซีอีโอบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ฯ กล่าวถึงกระแสของเทคโนโลยีฟินเทค ว่า ทุกบริษัทก็น่าจะมีการเตรียมการกันอยู่ในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยี เช่นเดียวกับบริษัทฯที่ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวนี้ โดยแนวโน้มการใช้งานนั้น มองว่านักลงทุนเองก็มีความรู้ และมีความพร้อมที่จะใช้เทคโนโลยีมากขึ้น อย่างของบริษัทฯเองก็มีนวัตกรรมในส่วนของไลน์ (LINE) ซึ่งน่าจะตอบสนองพฤติกรรมของคนไทยที่นิยมใช้ไลน์กันเป็นจำนวนมาก

เมื่อถามว่าฟินเทคจะแบ่งหรือจัดกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ออกมาเป็นอย่างไรนั้น "มนตรี"บอกว่าคงมองในมุมแบบนั้นยาก เพราะฟินเทคก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าบริษัทหลักทรัพย์รายไหนจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีได้มากน้อยเพียงใด แต่ที่สำคัญก็คือ อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องฟินเทค แต่จะเกี่ยวข้องในเรื่องที่อาจจะได้ลงทุนในงานวิจัย ในการที่จะให้บริการความรู้ ความคิดเห็น หรือคำแนะนำหรือไม่ ซึ่งประเด็นตรงนี้ก็เป็นต้นทุนที่สูง

"บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ มุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยี งานวิจัยหลักทรัพย์ เพราะมองว่านักลงทุนไม่ได้เข้ามาเล่นการพนัน แต่ต้องการเข้ามาลงทุนโดยการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเพื่อประกอบการตัดสินใจ"

สำหรับบริการฟินเทคของบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ได้แก่ 1. โปรแกรม Maybank Kim Eng LINE ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวจะให้บริการถามและตอบ ข้อมูลด้านการลงทุนทันทีตลอด 24 ชั่วโมง 2.โปรแกรม eZy Trade โดยลูกค้าสามารถตั้งคำสั่งซื้อขายแบบมีเงื่อนไข เช่น คำสั่ง Stop Order ,Trailing Stop ,Index Stop Order และ Grab Order 3.โปรแกรม Aspen สามารถส่งคำสั่งซื้อขายผ่านมือถือเป็นที่แห่งแรกของประเทศไทย และ 4.โปรแกรม KEiTrade ที่มีฟังก์ชั่น Stock Radars ให้ใช้งานได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากจะมีโปรแกรมใหม่มาดึงดูดลูกค้าแล้ว บริษัทฯยังมีจุดเด่นด้านนวัตกรรมหลังสามารถพัฒนาระบบเทรดให้รองรับการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตมากกว่า 10 ระบบ

ขยายความบริการ Maybank Kim Eng LINE ลูกค้าสามารถสมัครขอใช้บริการได้ทันที ซึ่งจะได้พบกับข้อมูลการลงทุนเพียงแต่พิมพ์คำถามที่เป็น Key word แบบง่ายๆ เพื่อเรียกดูราคาหุ้น และอนุพันธ์ ดู Bid/Offer 5 แถว ของแต่ละหุ้น รวมถึงการเรียกดูบทวิเคราะห์ เรียกดูกราฟวิเคราะห์ทางเทคนิค ทั้ง 1, 15, 60 นาที ตลอดจนกราฟรายวันของหุ้นแต่ละตัว เรียกดูข่าวทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบทวิเคราะห์หุ้นรายตัว และติดตามข่าวดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศ

"การมีแอพพลิเคชั่นไลน์ในการให้ข้อมูลกับลูกค้า ถือเป็นการไร้ข้อจำกัดในเรื่องของเวลาการให้บริการ เพราะว่าแอพพลิเคชั่นดังกล่าวสามารถตอบคำถามลูกค้าได้ตลอดเวลา ที่สำคัญยังช่วยฝ่ายการตลาดหรือมาร์เก็ตติ้งที่มีอยู่ 700-800 คนทำงานด้วย นอกจากนั้นยังช่วยผลักดันสัดส่วนการซื้อขายหุ้นผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตให้เพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของนักลงทุนรุ่นใหม่ที่นิยมซื้อขายหุ้นผ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ขณะที่นักลงทุนรุ่นเก่าเองก็เริ่มมีความรู้ความเข้าใจในการใช้อินเตอร์เน็ตมากขึ้น"

อย่างไรก็ดี ปี 2559 นี้บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ มีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการระดับพรีเมียมเพิ่มเติม อาทิ โปรแกรมเทรดอัตโนมัติที่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายล่วงหน้าได้ทั้งทางคอมพิวเตอร์และแอพพลิเคชั่นทางมือถือ ซึ่งบริการนี้จะทำให้ลูกค้าไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ และยังสร้างความมั่นใจในการลงทุนได้ด้วย ทำให้ไม่พลาดทุกโอกาสในการทำกำไร

นอกจากเปิดตัวผลิตภัณฑ์มากมายแล้ว บริษัทฯยังมีจุดเด่นด้านนวัตกรรมกับการพัฒนาระบบการซื้อขาย ให้รองรับการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตมากกว่า 10 ระบบ จากปัจจุบันที่มีลูกค้าเทรดผ่านระบบอินเตอร์เน็ตในสัดส่วน 54.15% และที่เหลือเทรดผ่านเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน (IC) อีก 45.85% และในอนาคตคาดว่าสัดส่วนลูกค้าที่ทำธุรกรรมผ่านอินเตอร์เน็ตมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"มนตรี" กล่าวว่า แผนงานปี 2559 ด้านธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศ มีนโยบายขยายฐานลูกค้ารายย่อยเพิ่ม โดยตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของลูกค้ารายย่อยจาก 11.87% เป็น 13% นอกจากนี้ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในด้านธุรกรรมออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น และขยายฐานลูกค้าโดยรวมในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 10%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,163 วันที่ 5 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559