กระทรวงเกษตรฯชี้แม้เข้าฤดูฝนแต่ยังตกไม่กระจายน้ำไหลลงเขื่อนน้อย

01 มิ.ย. 2559 | 08:29 น.
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศให้วันที่ 18 พฤษภาคม 2559 เป็นวันเริ่มต้นฤดูฝน ปี 2559 อย่างเป็นทางการนั้น ขณะนี้มีปริมาณฝนสะสมรายภาค (1 – 29 พ.ค.59) ทั่วทุกภาคมีปริมาณฝนตก ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย (ยกเว้นภาคใต้ฝั่งตะวันตก) และ เมื่อเทียบกับปี 2558 ทั่วทุกภาคจะมีปริมาณฝนตกสูงกว่าปี 2558 (ยกเว้น ภาคใต้ฝั่งตะวันออก) ขณะที่สถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 31,255 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 44 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 7,814 ล้านลูกบาศก์เมตร หากเปรียบเทียบกับปี 2558 ที่ผ่านมา ณ วันเดียวกันจะเห็นว่าในปีนี้มีปริมาณน้ำน้อยกว่าประมาณ 2,641 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ เขื่อนขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 39,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งได้กำชับให้ทุกโครงการชลประทานทั่วประเทศ เก็บกักน้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำต่างๆให้ได้มากที่สุด โดยให้สอดคล้องกับปริมาณฝนที่ตกลงมาและไม่กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน พร้อมกันนี้ได้เร่งสั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เน้นปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเติมน้ำในเขื่อนโดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล ซึ่งจะย้ายฐานปฏิบัติการจากหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.พิษณุโลกไปยัง จ.ตากอีกด้วย

ด้านนายสุเทพ น้อยไพโรจน์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) ยังคงอยู่ในเกณฑ์น้อย เนื่องจากเพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูฝน ปริมาณฝนที่ตกลงมายังไม่กระจายมากนัก ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯยังน้อย ปัจจุบัน (31 พ.ค.59) ทั้ง 4 เขื่อน มีปริมาณน้ำรวมกัน 8,080 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 32 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้ประมาณ 1,384 ล้านลูกบาศก์เมตร ยังคงการระบายน้ำลงมารวมกันประมาณวันละ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศเป็นหลัก

ส่วนภาคการเกษตรนั้น ขอให้รอฝนตกลงมาอย่างสม่ำเสมอมากกว่านี้ จึงค่อยลงมือทำการเพาะปลูกพืชฤดูฝน ซึ่งกรมชลประทานจะใช้อาคารชลประทานต่างๆควบคุมน้ำท่าให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการส่งน้ำเข้าระบบชลประทานไปยังพื้นที่การเกษตรได้อย่างทั่วถึง ช่วยลดการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำต่างๆในช่วงฤดูฝน และเก็บกักน้ำในเขื่อนไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้าให้มากที่สุดด้วย