จับตาราคาสินค้าเกษตรหลังภัยแล้งสิ้นสุด: ไปต่อหรือชะลอตัว

01 มิ.ย. 2559 | 08:05 น.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์เรื่อง“จับตาราคาสินค้าเกษตรหลังภัยแล้งสิ้นสุด: ไปต่อหรือชะลอตัว”

ประเด็นสำคัญ

•ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภาวะภัยแล้งโดยเฉพาะในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.2559 ช่วยดันราคาสินค้าเกษตรรายการหลักพุ่งอย่างชัดเจน ทั้งข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน อย่างไรก็ดี ข้าว และปาล์มน้ำมัน เป็นรายการที่ราคาน่าจะยังยืนอยู่ในระดับดีได้ต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี ขณะที่ยางพารา และมันสำปะหลัง น่าจะได้รับแรงหนุนจากปัจจัยชั่วคราวอย่างภัยแล้งที่ทำให้ราคาดีขึ้น แต่คาดว่า ราคาไม่น่าจะยืนอยู่ในระดับดีได้จนถึงสิ้นปีนี้ ดังนั้น ผู้ประกอบการปลายน้ำที่ใช้สินค้าเกษตรเหล่านี้เป็นวัตถุดิบ อาจต้องมีการวางแผนในการบริหารด้านต้นทุนอย่างเป็นระบบ อันจะช่วยประคองผลกระทบต่อกำไรของธุรกิจในภาวะที่ราคาสินค้าเกษตรยังคงมีความผันผวน

•แม้ราคาสินค้าเกษตรหลักที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงภัยแล้ง จะส่งผลดีต่อเกษตรกรที่มีสินค้าในมือให้ได้รับอานิสงส์ แต่ภาพรวมราคาสินค้าเกษตรทั้งปีคาดว่าอาจยังให้ภาพที่ไม่สดใสนัก จากปัจจัยด้านอุปทานที่ยังอยู่ในระดับสูง ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่งจะเริ่มทยอยฟื้นตัว และอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่ยังชะลอ ทำให้เกษตรกรไทยส่วนใหญ่ยังคงต้องเผชิญความยากลำบากด้านรายได้ที่อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อเนื่องไปยังภาคธุรกิจที่ต้องอาศัยกำลังซื้อฐานราก เช่น ธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร ธุรกิจบริการทางการเกษตร เป็นต้น

จากสถานการณ์ภัยแล้งที่คุกคามหลายพื้นที่ของไทยมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนต่อเนื่องมาในปี 2559 ได้สร้างความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรสำคัญหลายรายการ ทำให้ผลผลิตขาดตลาด ส่งผลให้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ได้เห็นการขยับขึ้นของราคาสินค้าเกษตรอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลดีต่อเกษตรกรที่มีผลผลิตในมือให้ได้รับอานิสงส์ไปด้วย โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ผลจากภัยแล้งผนวกกับผลของฤดูกาล ทำให้สินค้าเกษตรได้รับความเสียหายจนผลผลิตขาดตลาดไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงดันราคาสินค้าเกษตรบางรายการให้ปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.2559 ที่ราคาขยับขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับช่วงที่ราคาลงไปต่ำสุดในเดือนม.ค.-ก.พ.2559 ทั้งข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน

อย่างไรก็ดี การที่ราคาสินค้าเกษตรที่ขยับขึ้นดังกล่าวนั้นจะสามารถยืนรักษาระดับไว้ได้จนถึงสิ้นปีนี้ คงต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ทั้งปัจจัยภายในประเทศอย่างสถานการณ์น้ำฝนที่จะส่งผลต่ออุปทาน และปัจจัยนอกประเทศอย่างราคาน้ำมันในตลาดโลก ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ราคาสินค้าเกษตรที่ขยับขึ้นในช่วงภัยแล้งดังกล่าว อาจมีสินค้าเกษตรบางรายการที่ยังสามารถยืนรักษาระดับราคาที่ดีต่อไปได้จนถึงสิ้นปี และมีสินค้าเกษตรที่อาจได้รับแรงหนุนจากผลของปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งส่งผลให้ราคาไม่สามารถยืนต่อไปได้และอาจปรับลดลงในช่วงที่เหลือของปี ดังนี้

จากมุมมองต่อแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรหลักในระยะที่เหลือของปี 2559 ดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการกลางและปลายน้ำที่ใช้ข้าว และปาล์มน้ำมันเป็นวัตถุดิบ อาจมีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการกลางและปลายน้ำที่ใช้ยางพารา และมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ อาจมีต้นทุนถูกลง อย่างไรก็ดี บางพื้นที่/จังหวัด อาจมีปัจจัยเฉพาะในรายละเอียดที่แตกต่างจากภาพรวมได้ เช่น ปริมาณน้ำ ผลผลิตต่อไร่ เป็นต้น ดังนั้น ผู้ประกอบการควรมีการเตรียมพร้อม เพื่อวางแผนในการบริหารด้านต้นทุนการผลิตอย่างเป็นระบบ อันจะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อกำไรของธุรกิจในภาวะที่ราคาสินค้าเกษตรยังคงมีความผันผวน

นอกจากนี้ เมื่อหันกลับมามองด้านความเป็นอยู่ของเกษตรกร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้ราคาสินค้าเกษตรที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงภัยแล้ง จะช่วยหนุนราคาให้เกษตรกรที่มีสินค้าในมือได้รับอานิสงส์ แต่ในภาพรวม ด้วยผลลบจากปริมาณผลผลิตที่เสียหายไปจากภัยแล้ง น่าจะมีมากกว่าผลบวกจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคา ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ยังอาจต้องเผชิญกับปัญหารายได้เกษตรกรที่อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ส่งผลกระทบต่อไปยังภาคธุรกิจที่ต้องอาศัยกำลังซื้อฐานรากให้ต้องเผชิญความท้าทายเช่นกัน อาทิ ธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร ธุรกิจบริการทางการเกษตร รวมถึงสินค้าเกี่ยวเนื่อง อาทิ รถจักรยานยนต์ ที่ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2559 ยอดขายรถจักรยานยนต์หดตัวร้อยละ 7.7 (YoY) เป็นต้น ซึ่งผู้ประกอบการควรมีการเร่งขยายช่องทางการตลาด อาทิ การประชาสัมพันธ์ จัดโปรโมชั่นผ่อนชำระสินค้าด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติมจากลูกค้ากลุ่มเกษตรกร เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น