"สมคิด"ลงนามร่วมมือ35 หน่วยงานเปิดเมืองนวัตกรรมอาหาร

27 พ.ค. 2559 | 12:15 น.
“สมคิด” ชี้ 35 หน่วยงานร่วมมือเปิดเมืองนวัตกรรมอาหาร สร้างจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมอาหารในประเทศ

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถา ในระหว่างการแถลงข่าว ลงนามความร่วมมือ 35 หน่วยงานเพื่อเปิดเมืองนวัตกรรมอาหาร ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการสร้างจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย ไม่ง่ายเลยที่จะเห็นภาพผู้ใหญ่ในวงการศึกษาซึ่งเป็นองค์ความรู้ของประเทศมาร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง และยังมีผู้บริหาร นักธุรกิจขนาดใหญ่มารวมตัวกันเพื่อร่วมสร้างเมืองนวัตกรรมอาหารให้เกิดขึ้นมา อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากเราไม่มีจิตใจร่วมกัน และเห็นความสำคัญของการพัฒนาอาหารของประเทศ

ดร.สมคิด กล่าวว่า แนวคิดการสร้างเมืองนวัตกรรมอาหาร เกิดขึ้นในช่วงที่ว่างเว้นทางการเมือง และได้มีโอกาสไปที่ประเทศอิตาลี ไปในที่ที่เป็นคลัสเตอร์อาหารของเขา ได้เห็นความเติบโต เห็นความร่วมมือของหอการค้า กับ เอกชน มหาวิทยาลัย และได้มีโอกาสไปที่ประเทศสิงคโปร์ได้ผ่านไปที่ไบโอโพลิส โครงการ เอ สตาร์ มันคือการสร้างคลัสเตอร์ มีทั้งมหาวิทยาลัย องค์กรของรัฐ มีทั้งเอกชน และนักวิจัย มีทั้งธุรกิจ และพร๊อพพอตี้อยู่ในไบโอโพลิส เพื่อสร้างไบโอเทคแห่งอนาคตของสิงคโปร์

“ผมตั้งใจไว้ว่าในวันข้างหน้าสิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดในเมืองไทย ประเทศสิงคโปร์ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลย แต่ทำไมสามารถเนรมิต ไบโอโพลิสขึ้นมา และบอกว่าจะเป็นผู้นำในเรื่องของไบโอเทคแห่งอนาคต เขามีแต่คน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่คนสิงคโปร์ เป็นคนจากทั่วโลกเป็นผู้เชี่ยวชาญมาที่นี่ ความตั้งใจเหล่านั้นจึงมาบรรจบกับที่ผมได้มีโอกาสได้มาที่กระทรวงวิทยาศาสตร์เป็นครั้งแรก ได้คุยกับ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ เราเห็นตรงกันว่าอยากจะทำโครงการแบบนี้ขึ้นมา ผมจึงบอกว่าถ้างั้นก็ทำเลย เพราะเราต้องการสร้างคลัสเตอร์ขึ้นมา”ดร.สมคิด กล่าว

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เรื่องของคลัสเตอร์ ไม่ใช่แค่การตั้งอุตสาหกรรม หรือเอาโรงงานมาประกอบ มาผลิต แต่มันคือการเอาทุกส่วนที่สำคัญและจำเป็นให้ต่อการสร้างนวัตกรรมให้มารวมกัน เหมือนเป็นแหล่งรวมขององค์ความรู้ แหล่งรวมการลงทุน แหล่งรวมของพลังทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น โดยเราต้องปฏิรูปโครงสร้างการผลิตของ ทุกวันนี้มาร์จิ้นของเราในอุตสาหกรรมต่ำมาก ต้องอาศัยความเมตตาจากค่าเงินถูก อาศัยความเมตตาจากราคาน้ำมัน เพื่อให้ราคาสินค้าของเราราคาดีขึ้น แต่ความจริงแล้ว เมื่อราคาน้ำมันตก ราคาสินค้าทางการเกษตรตก การส่งออกราคาตก ทำไมเราไม่สร้างผลิตภัณฑ์อาหารเกษตรของเราให้สามารถยืนอยู่ได้อย่างยืนยง โดยที่ไม่สนใจว่าโลกจะเป็นอย่างไร ทำไมเวียดนาม GDP ถึงขึ้นสูง ไม่มีอะไรมากเลย มีแค่มือถือตัวเดียว เช่นเดียวกับเกาหลีใต้ GDP ของเขาขึ้นอยู่กับซัมซุงบริษัทเดียว

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางเดียวที่จะทำให้เราเจริญขึ้นมาได้ คือการยกระดับมูลค่าของอาหาร เกษตรของเรา เรามีทุกอย่างเป็นของเรา ไม่ต้องอิมพอร์ตมาจากไหนเลย สิ่งที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ คิดก็ตรงกับที่ผมคิดบรรจบกัน สิ่งที่เห็นตอนนี้ คือการทำงาน ต่างคนต่างทำ หลายสิ่งไม่ได้ร่วมมือกัน หลายสิ่งทำซ้ำกัน ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ได้แชร์กับภาคเอกชน เอกชนมีเงินแต่ไม่ค่อยยอมลงทุนในสิ่งที่เป็นองค์ความรู้เป็นนวัตกรรม ผมมองว่ามันเป็นค่าใช้จ่าย ไม่ได้เป็นการลงทุน เราจะทำยังไงให้เอกชนเกิดการตื่นตัว จะทำยังไงให้เกิดการรวมพลังกับองค์ความรู้มหาวิทยาลัยมาสร้างสิ่งใหม่ๆ และเอาความรู้สิ่งเหล่านั้นเชื่อมโยงไปให้ถึง SME ภาคการเกษตร ชาวนา ชาวไร่ เพราะยังด้อยความเจริญ
“สิ่งเหล่านี้จึงเป็นคอนเซ็ปในการมาของฟู้ดอินโนโพลิส เราต้องการสร้างคลัสเตอร์ขึ้นมา ที่สำคัญจะต้องไม่มีความเป็นเจ้าของ เราต้องเปิดให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตร กระทรวงทั้งหมดเข้ามาร่วม เพื่อก่อให้เกิดสตาร์ทอัพขึ้นมา และเปลี่ยนนวัตกรรม เป็นนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ บ่มเพาะงาน หาเงินทุน ส่งต่อให้ภาคเอกชน ส่งต่อรายได้ให้เข้ามหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดการพัฒนาการในมหาวิทยาลัย วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ไทย เพราะในต่างประเทศยากมากที่เอาจะเอา 3 แห่ง เหล่านี้มารวมกัน มาครั้งนี้ผมมีมวลหมู่มหาประชาชนอยู่ข้างหลังผม เราจะทำทีละคลัสเตอร์” ดร.สมคิด กล่าว