โชว์นวัตกรรมเวทีเอเชีย ผู้ผลิตอาหาร-เครื่องดื่มไทยอวดสินค้าใหม่งานไทยเฟกซ์ฯ

30 พ.ค. 2559 | 02:00 น.
เปิดนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มสัญชาติไทยในเวทีเอเชีย “THAIFEX 2016” จับตาผู้ประกอบการใหญ่-เล็กสบช่องสร้างแบรนด์ตีตลาด “โอวีเอฟ” ต่อยอดไข่ไก่เป็นออมเลตพาสเจอร์ไรซ์ “ไทย โคโค” เผยโฉมน้ำมะพร้าวอัดก๊าซยอดฮิตในยุโรป “ชาร์มฯ” แจ้งเกิดกล้วยกวนรสโกโก้ ด้านยักษ์ใหญ่ “ซีพีเอฟ” ปรับทัพสร้างเมนูหลากหลายรองรับพฤติกรรมผู้บริโภค ฟาก “เบทาโกร” ไม่น้อยหน้า เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าไส้กรอกไขมันต่ำรุกตลาด

นางสาวปริษา นิลประภา ผู้จัดการฝ่ายขาย โมเดิร์นเทรด บริษัท โอโว่ ฟู้ดเทค จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายไข่ไก่ และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไข่ไก่ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า งานไทยเฟกซ์ เวิล์ด ออฟ ฟู้ด เอเชีย 2016 (THAIFEX-World of Food Asia 2016) ครั้งนี้ บริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากไข่ไก่ คือ ออมเลตพาสเจอร์ไรซ์ ภายใต้แบรนด์ “โอวีเอฟ” เพื่อจับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกในการปรุงอาหาร และกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร เนื่องจากมองว่าตลาดยังมีโอกาสและช่องว่าง เพราะปัจจุบันผู้บริโภคมีเวลาน้อยในการปรุงอาหาร ต้องการความสะดวก รวดเร็ว โดยมีจำหน่าย 2 ขนาด คือ 450 มล. ราคา 60 บาท และ 1 ลิตร ราคา 120 บาท สามารถเก็บได้นาน 1 เดือน โดยจะวางจำหน่ายผ่านช่องทางซุปเปอร์มาร์เก็ต และโมเดิร์นเทรดทั่วไป

นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้าใหม่ สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นแคลเซียมชีวภาพจากเปลือกไข่ และคอลลาเจนจากไข่ ซึ่งขณะนี้ได้ร่วมพัฒนาสินค้ากับผู้ผลิตและจำหน่ายนมยูเอชทีรายหนึ่ง เพื่อพัฒนาเป็นนมเสริมแคลเซียมและคอลลาเจนจากไข่ รวมถึงการพัฒนาโยเกิร์ตที่ทำมาจากไข่แดงด้วย โดยมี 2 รสชาติ ได้แก่ สตอเบอร์รี่ และกล้วย ในอนาคตจะพัฒนาแคลเซียมและคอลลาเจนในรูปแบบแคปซูลหรืออัดเม็ด เพื่อจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วย

ด้านบริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ น้ำมะพร้าวอัดก๊าซ 100% ภายใต้แบรนด์ บรองโคโค (BLANC COCO) ในบรรจุภัณฑ์แบบขวด 4 รสชาติ ได้แก่ รสธรรมชาติ ทับทิม สัปปะรด และมะนาว เพื่อจำหน่ายในตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะในโซนยุโรปและอเมริกา เนื่องจากผู้บริโภคนิยมดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อความสดชื่นและให้พลังงานเหมือนกับการดื่มเกลือแร่ ขณะเดียวกันยังนิยมดื่มน้ำอัดก๊าซหรือสปาร์คลิ่ง เพราะคนในโซนยุโรปและอเมริกาจะนิยมบริโภคอาหารที่มีความมัน จึงดื่มน้ำอัดก๊าซเพื่อไปลดความมันของอาหาร และยังสามารถนำไปเป็นส่วนผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นได้อีกด้วย นอกจากนี้ได้ออกผลิตภัณฑ์ชนิด 25% ในบรรจุภัณฑ์กระป๋องสลิมขนาด 325 มล. เพื่อทำตลาดในประเทศจีนและอินโดนีเซียด้วย

อีกหนึ่งบริษัทที่นำเสนอสินค้านวัตกรรมที่น่าสนใจ เป็นสินค้าชุมชนผลไม้แปรรูปคือ บริษัท ชาร์ม แอนด์ คอมพเทนท์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามแบรนด์ชาร์ม (Charm) และผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปแบรนด์อันนา (Anna) ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์กล้วยกวน บรรจุซองที่พัฒนามาจากกล้วยกวน ที่เป็นสินค้าชุมชนซึ่งจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป และตามแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาต่อยอดให้สินค้าสามารถกินได้โดยไม่ติดฟันเหมือนกล้วยกวนทั่วไป และยังพัฒนารสชาติใหม่เป็นรสโกโก้ และมีรสดั้งเดิมรสกะทิสด ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในงานไทยเฟกซ์ 2016 นี้ โดยเตรียมนำไปจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าทั่วไปและซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ รวมถึงการหาคู่ค้าเพื่อส่งสินค้าออกไปทำตลาดในต่างประเทศด้วย

ขณะที่นายวิทวัส ตันติเวสส รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟเน้นพัฒนาสินค้าในกลุ่มนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเทรนด์ของตลาดนั้นพบว่ากลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากกระแสรักสุขภาพของคนไทยในปัจจุบัน ประกอบกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทก็มีตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้ อาทิ อกไก่นุ่ม เป็นต้น ควบคู่กับการสร้างแบรนด์ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้แข็งแกร่งและเป็นที่จดจำมากขึ้น

“คำว่านวัตกรรมอาหารของเราคือการมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด เช่นในกลุ่มไส้กรอก นวัตกรรมที่เราจะพัฒนาก็คือความสะดวกสบายในการรับประทาน ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และรสชาติของสินค้า นั่นเองจึงจะเรียกว่านวัตกรรมใหม่ๆ เพราะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้”

ทั้งนี้ปกติบริษัทจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารเฉลี่ย 15 รายการต่อปี แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวไลน์สินค้าใหม่จำนวนมาก ทำให้ช่วงปีนี้ต้องหันมาโฟกัสแบรนด์ต่างๆที่มีอยู่ในมือให้แข็งแกร่งและติดตลาดมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มสินค้าอาหารนวัตกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพอย่าง อกไก่นุ่ม ถือว่ามีกระแสที่ดีสร้างยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องไปโฟกัสการทำตลาดให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดแคมเปญใหญ่เฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง ในการกระตุ้นการรับรู้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งคุณภาพ รวมถึงการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด โดยในส่วนของความคาดหวังจากการออกงานไทยเฟกซ์ฯ ในครั้งนี้ คาดว่าจะได้ลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งที่นำสินค้าของบริษัทไปจำหน่าย และสั่งสินค้าเพื่อนำไปติดตราสินค้าของตัวเองเพราะอาหารไทยได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ

อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมบริษัทในไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีการเติบโตตามเป้าที่วางไว้ ขณะที่เป้าหมายการเติบโตในปีนี้ได้ตั้งเป้าว่าจะเติบโต15% ขณะที่ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารของบริษัท ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด 21% จากมูลค่าอาหารพร้อมรับประทานปี 2558 ที่มีมูลค่ากว่า 3.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 1.3% แบ่งเป็นกลุ่มอาหารแช่เย็น 56% และตลาดแช่แข็ง 44% อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าตลาดในปีนี้จะมีการเติบโต 5-7% ซึ่งเป็นการเติบโตจากการขยายตัวของบริษัท รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยอมรับอาหารพร้อมรับประทานมากขึ้น เนื่องจากมีรสชาติที่ถูกปากและราคาที่สามารถจับต้องได้

นายณรงค์ชัย ศรีสันติแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร สายงานปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจอาหาร เครือเบทาโกร กล่าวว่า นวัตกรรมที่เบทาโกรนำเสนอในงานนี้คือ ผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าไส้กรอกไขมันต่ำ (BETAGRO Low Fat Sausage) รวมทั้งผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ในกลุ่ม Reduce, Plus, Free ที่เตรียมนำออกจำหน่ายอีกกว่า 10 รายการ และพัฒนาสินค้าพร้อมปรุง พร้อมรับประทาน (Ready to Cook / Ready to Eat) อีกมากกว่า 100 รายการ ด้านการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่าย มุ่งขยายแผงอนามัยเนื้อหมู เนื้อไก่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และเพิ่มการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกช่องทางทั้งในกลุ่ม Modern Trade กลุ่ม Food Service (HORECA) และ Traditional Trade

ส่วนแบรนด์ S-Pure มีการขยายช่องทางนำร่องอาหารสุขภาพสู่โรงพยาบาล โดยเริ่มแห่งแรกที่ ศูนย์ตรวจสุขภาพ โรงพยาบาล สมิติเวช สุขุมวิท เริ่มขยายการขายสินค้า S-Pure ไปยังภูมิภาค ทั้งในกลุ่ม Food Service เช่น ร้านอาหาร โรงแรม ในเมืองใหญ่ๆ อาทิ สมุย หาดใหญ่ เชียงใหม่ ขอนแก่น ปากช่อง เป็นต้น รวมถึงการขายในร้านเบทาโกร ช็อป ทั่วประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,161
วันที่ 29 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559