ไมโครซอฟท์ลดพนง.1,850คน เดินหน้าลดขนาดธุรกิจสมาร์ทโฟนหลังยอดขายลดฮวบ

30 พ.ค. 2559 | 07:00 น.
ไมโครซอฟท์ประกาศลดพนักงานในธุรกิจสมาร์ทโฟน 1,850 ตำแหน่ง เพียง 2 ปีหลังซื้อกิจการมาจากโนเกีย เหตุยอดขายลดลงต่อเนื่อง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ไมโครซอฟท์เผยในสัปดาห์นี้ว่าจะลดจำนวนพนักงานลงมากถึง 1,850 ตำแหน่ง ซึ่งประมาณ 1,350 ตำแหน่งเป็นพนักงานที่ประจำอยู่ในฟินแลนด์หลังจากที่ไมโครซอฟท์ซื้อกิจการธุรกิจโทรศัพท์มือถือของโนเกียมาเมื่อ 2 ปีก่อน โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการครั้งนี้คิดเป็นมูลค่าประมาณ 950 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในอี-เมล์ที่ส่งไปยังพนักงานของไมโครซอฟท์ นายเทอร์รี ไมเยอร์สัน รองประธานบริหารธุรกิจวินโดว์สและดีไวซ์ของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า การปรับลดพนักงานในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบาก อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์จำเป็นต้องโฟกัสไปที่ความพยายามด้านฮาร์ดแวร์สมาร์ทโฟนเพิ่มมากขึ้น
การเปลี่ยนไมโครซอฟท์จากบริษัทที่เน้นเพียงซอฟต์แวร์ ให้เพิ่มบทบาทในธุรกิจดีไวซ์มากขึ้นนั้น เป็นความพยายามที่สำคัญของนายสตีฟ บอลเมอร์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยหนึ่งในข้อตกลงควบรวมกิจการที่สำคัญ บอลเมอร์ตัดสินใจทุ่มเงินประมาณ 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงปลายปี 2557 ซื้อกิจการโทรศัพท์มือถือจากโนเกียที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำของตลาด

อย่างไรก็ดี หลังจากนายสัตยา นาเดลลา ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ นายนาเดลลาได้ทยอยปรับลดขนาดของธุรกิจสมาร์ทโฟนลง เริ่มตั้งแต่การปรับโครงสร้างในปี 2558 ด้วยการรวมกลุ่มธุรกิจดีไวซ์เข้ามาอยู่กับธุรกิจวินโดว์ส ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของไมโครซอฟท์
ตัวแทนของสหภาพแรงงานในฟินแลนด์เชื่อว่า การปรับลดพนักงานในครั้งนี้น่าจะหมายความว่าไมโครซอฟท์จะไม่มีการพัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อีกต่อไป ขณะที่ไมโครซอฟท์ระบุในแถลงการณ์ว่าจะยังคงพัฒนาระบบปฏิบัติการวินโดว์ส 10 และให้การสนับสนุนสมาร์ทโฟนลูเมียต่อไป แต่ไม่ได้ระบุว่าจะมีการพัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อีกหรือไม่

ธุรกิจสมาร์ทโฟนของไมโครซอฟท์ไม่สามารถก้าวขึ้นมามีบทบาทในตลาดที่มีสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์และไอโอเอสครองตลาดส่วนใหญ่อยู่ ข้อมูลจากบริษัทวิจัยการ์ทเนอร์ระบุว่า ส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกของสมาร์ทโฟนระบบวินโดว์สในไตรมาสแรกของปี 2559 ลดลงเหลือไม่ถึง 1% จากส่วนแบ่ง 2.5% ในไตรมาสแรกของปี 2558 ขณะที่ระบบแอนดรอยด์และไอโอเอสมีส่วนแบ่ง 84% และ 15% ตามลำดับ

ทั้งนี้ เมื่อปีก่อน ไมโครซอฟท์ประกาศลดจำนวนพนักงานในธุรกิจโทรศัพท์มือถือไปแล้วครั้งหนึ่ง 7,800 ตำแหน่ง ด้วยค่าใช้จ่าย 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเมื่อไม่นานมานี้ ไมโครซอฟท์ประกาศขายธุรกิจโทรศัพท์มือถือแบบฟีเจอร์โฟนไปเป็นมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นอกเหนือจากการลดพนักงานในฟินแลนด์แล้ว ไมโครซอฟท์ยังเตรียมปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาในฟินแลนด์ด้วยเช่นกัน โดยพนักงานอีก 500 คนจะถูกย้ายไปทำงานที่ประเทศอื่น "เราจะให้ความสำคัญกับธุรกิจโทรศัพท์มือถือในส่วนที่เรามีความแตกต่าง เราจะเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมในทุกดีไวซ์และบนบริการคลาวด์ทั่วทุกแพลตฟอร์มโมบาย" นายนาเดลลากล่าวผ่านแถลงการณ์

โนเกียเคยครองส่วนแบ่งในตลาดโทรศัพท์มือถือสูงถึง 40% เมื่อปี 2552 ก่อนที่จะถูกสมาร์ทโฟนเข้ามาตีตลาด ยอดขายที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้โนเกียและไมโครซอฟท์ต้องปรับลดจำนวนพนักงานในฟินแลนด์ลงหลายต่อหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่โนเกียได้ผันตัวเองมาเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์โครงข่ายโทรคมนาคมเป็นหลัก นับตั้งแต่ขายธุรกิจโทรศัพท์มือถือให้ไมโครซอฟท์

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,161
วันที่ 29 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559