ยีลด์กองทุนอสังหาฯ-รีทส์น่าสน ของไทยให้ผลตอบแทน 5-6% ต่อปี/ลงทุนนอกสิงคโปร์เด่น

26 พ.ค. 2559 | 08:00 น.
บลจ.กสิกรไทยฯ ออกกองทุนเปิดเค พร็อพเพอร์ตี้ เซคเตอร์ เน้นลงทุนในกองทุนอสังหาฯ กองรีทส์ ในไทยและสิงคโปร์ พร้อมชูโอกาสรับผลตอบแทนสม่ำเสมอจากกระแสเงินสดที่ได้รับจากค่าเช่า ชี้กองทุนอสังหาฯไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5 – 6% ต่อปี

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ออกกองทุนเปิดเค พร็อพเพอร์ตี้ เซคเตอร์ (K-PROP) ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารในหมวดอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ของไทยและสิงคโปร์ อาทิ หน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีทส์) โดยจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 79%

ทั้งนี้คาดว่าในเบื้องต้นจะลงทุนภายในประเทศประมาณ 50% และลงทุนในรีทส์ของสิงคโปร์ประมาณ 50% และกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน

ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยทั้งกองทุนรวมอสังหาฯ และรีทส์ มีมูลค่าตลาดรวมกันถึง 3.84 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 2.86% ของมูลค่าทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าการเติบโตถึงกว่า 50% สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของอุปสงค์และอุปทานของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี2554-2558) กองทุนประเภทนี้ สามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ยสูงถึง 12.84% ต่อปี ในขณะที่ปัจจุบันผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนอสังหาฯ และรีทส์ ของไทย ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ประมาณ 5 - 6% ต่อปี ซึ่งมาจากผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากเงินปันผลเป็นหลัก

ส่วนธุรกิจทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือรีทส์ ในประเทศสิงคโปร์ ปัจจุบันเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่ากองทุนรวมอสังหาฯ และรีทส์ อื่นๆในภูมิภาค แม้อยู่ในช่วงที่ต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย แต่คาดว่าตลาดมีการรับรู้ไปค่อนข้างมากแล้วพอสมควร อีกทั้งระยะเวลาเช่าของทรัพย์สินที่ยาวนานเฉลี่ยถึง 80 ปี บวกกับการบริหารจัดการที่ดี และที่สำคัญคือ มีสภาพคล่องสูงกว่า 10 เท่าเมื่อเทียบกับกองทุนอสังหาฯ ในไทย ดังนั้น การกระจายการลงทุนไปยังกองทุนอสังหาฯ ทั้งประเทศไทยและสิงคโปร์ จึงช่วยให้การจัดพอร์ตการลงทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นางสาวธิดาศิริกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่ทำให้กองทุนอสังหาฯ และ รีทส์ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากนักลงทุน เนื่องมาจากในภาวะที่ตลาดการเงินทั่วโลกมีความผันผวนและสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้ลงทุนมีความต้องการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น ในฐานะเป็นสินทรัพย์ที่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอแม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยรายได้หลักของกองทุนอสังหาฯ และรีทส์จะมาจากกระแสเงินสดที่ได้รับจากค่าเช่า รวมถึงผู้ลงทุนยังมีโอกาสได้รับกำไรส่วนเพิ่มจากแนวโน้มการปรับขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว นอกจากนี้พบว่าการกระจายลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยังช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนและสามารถสร้างผลตอบแทนเมื่อปรับด้วยความเสี่ยง (Risk Adjusted Return) ที่น่าสนใจด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,160 วันที่ 26 - 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559