MADE IN JAPAN (2)

29 พ.ค. 2559 | 00:00 น.
ก็เพิ่งเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังเกี่ยวกับ "สวนสาธารณะ" ในเมือง TOKYO ที่ทางการญี่ปุ่นมักจะมีไว้ เป็นช่องเว้นวรรคอาคารสูงแออัดว่านอกจากได้ใช้พักผ่อนสายตา คลายเครียด

เขายังมีเจตนาใช้เป็นที่หลบภัย "แผ่นดินไหว"

เล่าไปก็ไม่นึกว่าตัวเองจะต้องใช้หลบภัยน่ากลัว แต่ก็โดนจนได้

4 ทุ่มคืนวันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม ขณะนอนพักผ่อนในห้องนอนชั้น 9 ของโรงแรม BUSINESS HOTEL แถบ KINSHICHO TOKYO รู้สึกถึงการสั่นไหว และมีเสียงกริ่ง เตือนภัยดัง (เนื่องจากไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่น จึงไม่ได้รับสัญญาณเตือนด้วย)

การสั่นมีทีท่ารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่หยุด สุดจะนิ่งเฉยได้ ผมจึงคว้าเอาของที่จำเป็นจริงๆ คือ PASSPORT และ CREDIT CARD รีบออกจากห้อง เดินไปสำรวจประตูบันไดหนีไฟสองมุมของอาคารว่าเปิดได้ไหม เป็นบันไดหนีไฟจริงหรือเปล่า (ประเทศด้อยพัฒนามักจะเอาของไปวางกองเต็ม ทำให้ใช้ขึ้นลงไม่ได้ บางแห่งเปิดประตูไม่ได้ฯลฯ)

เมื่อเห็นทางหนีไฟใช้ได้ ก็ใจชื้น แต่สังเกตไฟอาคารยังไม่ดับและ LIFT ยังคงทำงาน จึงเสี่ยงใช้ LIFT ไม่ได้วิ่งลงบันได 9 ชั้น (เพื่อถนอมเข่าไว้ หากรอดตายในครั้งนี้)

พอลงมาถึงชั้น LOBBY ไปคุยกับ RECEPTIONISTS ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ท่าทางเขาไม่ตื่นตระหนก แถมพูดญี่ปุ่นจับความได้ว่า "ไดโจบุ"

แปลว่า "ไม่เป็นไร"

ไอ้ที่จะปีน 9 ชั้นกลับไปนอนรอ AFTER SHOCK หรือ MAJOR SHOCK คืนนั้นไม่อยู่ในวิสัย จำได้ว่ามีร้านอาหารไทยอาคารชั้นเดียวอยู่ใกล้ๆ โรงแรมที่พัก เลยเดินไปหาเบียร์ย้อมใจ และหาข้อมูลดีกว่า

ก็ได้ความรู้ว่า "แผ่นดินไหว" ครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้งที่เคยเจอมา (เนื่องจากเกิดใกล้กรุงโตเกียวมาก) เกิดที่จังหวัด IBARAKI ที่อยู่ไม่ไกลกัน ระดับ 5 ริกเตอร์กว่า มาถึงโตเกียวก็ลดเป็น 4 กว่าๆแต่ก็รู้สึกว่ารุนแรงกว่าทุกครั้ง (ยกเว้นครั้งที่เกิด TSUNAMI เมื่อปี 2011)

พ่อครัวใหญ่บอกน่ากลัวครับ ถ้าแรงกว่านี้ เราถูกฝึกให้ปิด GAS ทั้งหมดและวิ่งไปที่"สวน" ที่อยู่ไม่ไกล (แต่ผมรู้สึกว่า"สวน"ค่อนข้างไกล และต้องวิ่งผ่านอาคารสูงอีกหลายอาคาร กว่าจะไปถึงถ้าไหวรุนแรงมา น่าจะไม่รอด)

ครั้งนี้ แผ่นดินไหวแบบแนวตั้งด้วย

เพื่อนญี่ปุ่นเคยปลอบผมว่า ถ้าแผ่นดินไหวใน "แนวนอน" ไม่ค่อยอันตราย แต่ถ้าไหวใน"แนวตั้ง" ให้รีบเผ่น

ค่ำคืนนั้นเป็นคืนหลังงาน WEEKEND THAI FESTIVAL ที่ YOYOGI PARK ผมคิดถึงชาวสวนผลไม้เมืองจันทบุรี ที่อุตส่าห์แบกทุเรียน มังคุด ฯลฯ มาเผยแพร่ให้ชาวญี่ปุ่นทั้งที่เป็นเขย-สะใภ้หรือไม่ใช่ ได้ชิมได้ซื้อกินกัน

(ทุเรียน 2 ตัน (800 ลูก) หมดในพริบตา (ฮา) ใครว่าคนญี่ปุ่นเหม็นทุเรียน ขายกันไม่แพงครับลูกละ 5,000 YEN 1,700 บาท มังคุดครึ่งโลกว่า 300 บาท ตกเป็นลูกก็ลูกละ 80 บาท)

เรามีชาวสวนผลไม้จันทบุรีจากสหกรณ์ท่าใหม่ มาเหนื่อยกายปอกทุเรียน ปอกผลไม้ (มะม่วง) ขายหลายคน

ชาวสวนได้อยู่โรงแรมระดับดีกว่าผม เป็นโรงแรม 4 ดาวที่อยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารไทยที่ผมไปเติมเบียร์ย้อมใจไปหนึ่งเหยือก

ผมเดินไปเยี่ยม และต้องการหาข้อมูลจากโรงแรมดีๆว่ามีมาตรการคำเตือน วิธีปฏิบัติให้กับแขกที่พักอย่างไรในกรณีที่เกิด "แผ่นดินไหว"

RECEPTIONIST ของโรงแรมดี พอพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง แต่ก็ตอบว่า ไม่มีคำแนะนำ ไม่มีข้อปฏิบัติ แต่คิดว่าคงไม่เป็นไร

ผมพบชาวสวน 4 คนยังนั่งอยู่ที่ LOBBY และทุกคนยืนยันว่าจะไม่กลับขึ้นไปนอนชั้น 19 อีกแล้ว
ทุกคน CHECK กระเป๋าออกมาติดตัว บอกพร้อมจะเผ่นหนี (พร้อมสมบัติติดตัว ฮา)

เนื่องจากเป็นโรงแรมดี มีมาตรฐานกว่าโรงแรมที่ผมซุกหัวนอน คณะชาวสวนกว่า 10 คนที่พักอยู่บนชั้น 19 ของโรงแรม TOBULEVANT /KINSHICHO จึงไม่สามารถใช้ LIFT ลงมาหลังเสียงกริ่งเตือนภัยแผ่นดินไหว

ทุกคนต้องวิ่งลงมาจากชั้น 19 ของโรงแรมสูงระฟ้าใกล้ SKY TREE แห่งนี้

(ผมคิดถึงทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ที่มาแข่งชิงตำแหน่งเข้า OLYMPIC ที่กรุงโตเกียว ขณะนี้เหมือนกัน คงต้องตกอกตกใจวิ่งลงมาและต้องระทึกใจอยู่อีกหลายคน (ทราบต่อมาว่า ทน"แผ่นดินไหว" ได้แต่ทน "กรรมการไม่ไหว" ไม่ได้ ต้องเสีย"น้ำตา"กับกลโกงหน้าด้านๆบวกเทคโนโลยีญี่ปุ่นที่พัฒนามาช่วยเจ้าภาพ"โกง"โดยเฉพาะ)

ผมออกไป 7-11 ซื้อเบียร์อร่อย ASAHI SUPER DRY มาเลี้ยงปลอบใจชาวสวน 4 คนที่สมัครใจจะนอน LOBBY ซึ่งผมเห็นว่าหากมี MAJOR SHOCK จริงๆก็คงไม่รอด

เราไปนอนในสวนกันเถิด ทำตัวเป็นคน HOMELESS สักคืน สนุกดี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,160 วันที่ 26 - 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559