สิ่งที่ท้าทายของทายาทธุรกิจ

29 พ.ค. 2559 | 01:00 น.
เร็วๆ นี้ PwC ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับความท้าทายของธุรกิจครอบครัวในออสเตรเลียในปี 2016 โดยใช้ข้อมูลจากการที่ PwC ได้ทำการสำรวจสมาชิกครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ทำงานอยู่ในธุรกิจครอบครัวกว่า 260 คน ใน 31 ประเทศในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2016 พบว่า สิ่งที่เป็นความท้าทายหรืออุปสรรคสำคัญของธุรกิจครอบครัว มีอยู่ 2 ประเด็นได้แก่ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางด้านดิจิตอล (Digital Disruption) และการขาดความเป็นมืออาชีพทั้งของครอบครัวและธุรกิจ (Lack of Professionalization) ซึ่งธุรกิจครอบครัวในออสเตรเลียถือว่าปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ดังนั้นผู้นำของธุรกิจครอบครัวทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อไปจำเป็นต้องหาทางปรับตัวเพื่อพัฒนาธุรกิจและรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันเอาไว้ เพื่อให้ธุรกิจครอบครัวของตนยังสามารถยืนหยัดอยู่ต่อไปได้

1. การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางด้านดิจิตอล (Digital Disruption) ทายาทรุ่นใหม่ของธุรกิจครอบครัวมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีดิจิตอลมากกว่าผู้นำรุ่นปัจจุบันหรือซีอีโอของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกเมื่อเห็นว่ามีความเป็นไปได้มากที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจของพวกเขา และต่างก็พยายามจูงใจพ่อแม่ว่าธุรกิจจำเป็นต้องใช้ดิจิตอลมากขึ้น โดยเกือบ 1 ใน 3 ของผู้ถูกสำรวจคิดว่าธุรกิจครอบครัวนั้นช้ากว่าธุรกิจทั่วไปในก้าวตามเทคโนโลยีใหม่ๆ และ 40% บอกว่าพวกเขาเคยผิดหวังมาแล้วในการนำเสนอไอเดียใหม่ๆให้กับสมาชิกในครอบครัว ซึ่งในเรื่องนี้ Stuart Morley ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจครอบครัวกล่าวว่า "เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมคนรุ่นปัจจุบันถึงมีความระมัดระวังในการลงทุนครั้งใหญ่กับดิจิตอล เนื่องจากเห็นว่าเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพียงใด อย่างไรก็ตามการยืนอยู่กับที่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม"

ดังนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ควรใช้ประโยชน์จากที่ปรึกษาจากภายนอกหรือคณะกรรมการที่ปรึกษาอิสระที่มีทักษะความสามารถและประสบการณ์ในการจัดการช่องว่างระหว่างวัยและชี้แนะคนทั้งสองรุ่นด้วยประสบการณ์ด้านดิจิตอลของพวกเขา แต่ทั้งนี้ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการวางแผนว่าธุรกิจจะใช้ดิจิตอลอย่างไรและจัดการกับอุปสรรคอื่นๆอย่างไรบ้าง เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตต่อไปได้ โดยกลยุทธ์ดิจิตอลที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมุ่งเน้นแนวทางที่จะค้นหาโอกาสไปพร้อมกับการป้องกันอุปสรรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงสนใจว่าทำอย่างไรบริษัทจึงจะใช้เทคโนโลยีในการบริการลูกค้าให้ดีขึ้นหรือจัดการกับความต้องการของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น หากแต่บริษัทจำเป็นต้องพิจารณาว่าทำอย่างไรตลาดหรืออุตสาหกรรมของพวกเขาจึงจะไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องเลือกว่าจะผู้นำการเปลี่ยนแปลงหรือจะยอมเป็นผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

อย่างไรก็ตามมีคนรุ่นใหม่เพียง 41% ที่คิดว่าธุรกิจของพวกเขามีกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับโลกดิจิตอลแล้ว ขณะที่อีก 59% บอกว่าไม่มี และที่น่ากังวลมากกว่านั้นคือ คนรุ่นใหม่ 72% ไม่เชื่อว่าธุรกิจของพวกเขาเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางด้านดิจิตอล ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมากหากพวกเขายังคงปฏิเสธความจริงต่อไป และสิ่งที่ไม่ควรละเลยคือความเข้าใจของคนทั้ง 2 รุ่นว่าความท้าทายของดิจิตอลหรือโอกาสที่จะเกิดขึ้นคืออะไร และธุรกิจจะตอบสนองต่อสิ่งเหล่านี้อย่างไร ดังนั้นธุรกิจครอบครัวจึงต้องการกลยุทธ์แบบองค์รวมในการที่จะลงทุนอย่างเหมาะสมในนวัตกรรมดิจิตอลและรักษารายได้ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้ โดยผู้นำธุรกิจครอบครัวทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อไปจำเป็นต้องสนับสนุนดิจิตอลเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจครอบครัวจะประสบความสำเร็จในอนาคต

2. การขาดความเป็นมืออาชีพทั้งของครอบครัวและธุรกิจ (Lack of Professionalization) คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของการทำธุรกิจครอบครัวให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น โดย 9 ใน 10 ของผู้ถูกสำรวจ เห็นตรงกันว่าการมีคนที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวอยู่ในตำแหน่งสำคัญเป็นเรื่องที่ดี และ93% ของทายาทรุ่นต่อไปที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะเข้าไปบริหารธุรกิจครอบครัวในอนาคต คิดว่าจะให้มืออาชีพที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวเข้ามาบริหารแทน

อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาที่จำเป็นต้องสร้างความเป็นมืออาชีพให้กับครอบครัว กลับพบว่ามีความก้าวหน้าน้อยมาก แต่ก็เป็นสิ่งที่พอจะเข้าใจได้ เนื่องจากการพิจารณาพลวัตของครอบครัวเป็นเรื่องที่ซับซ้อนทั้งในเรื่องของอารมณ์และนโยบาย ซึ่งในความจริงแล้วกว่าครึ่งของทายาทรุ่นต่อไปมีความกังวลเกี่ยวกับการแก้ปัญหานโยบายของครอบครัวในอนาคต

อย่างไรก็ตาม David Smorgon ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจครอบครัวได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ธุรกิจครอบครัวมักไม่ค่อยล้มเหลวในเรื่องเหตุผลทางธุรกิจ ในขณะที่เหมือนเหตุผลเกี่ยวกับครอบครัวไม่เป็นเช่นนั้น ธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะจัดการสร้างความสมดุลระหว่างการบริหารแบบมืออาชีพ ความรับผิดชอบต่อความเป็นเจ้าของธุรกิจและพลวัตของครอบครัว โดยเฉพาะเมื่อต้องจัดการกับประเด็นที่เกี่ยวกับคนรุ่นต่อไป"

ดังนั้นการสร้างความเป็นมืออาชีพให้กับครอบครัวจึงหมายถึงการบริหารบทบาทและความสัมพันธ์บนพื้นฐานของการทำธุรกิจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างภาระรับผิดชอบและความรับผิดชอบและความโปร่งใสในการติดต่อสื่อสาร ทั้งนี้สามารถเริ่มด้วยการสร้างธรรมนูญครอบครัว (family constitution) ซึ่งจะช่วยในการบ่งชี้ประเด็นสำคัญภายในครอบครัวและวิธีจัดการกับประเด็นเหล่านั้น และถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างโครงสร้างเกี่ยวกับความกลมเกลียวและความสัมพันธ์ของครอบครัว รวมถึงช่วยลดความขัดแย้งและความสับสนลงได้อีกด้วย

โดย Stuart Morley ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจครอบครัวได้แนะนำว่า "วิธีที่ดีที่สุดสำหรับผู้นำคนรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อไปในการสร้างความเป็นมืออาชีพคือ การติดต่อสื่อสารแบบเปิดระหว่างสมาชิกในครอบครัว และควรใช้เวลาในการพูดคุยกับครอบครัวเกี่ยวกับประเด็นที่มีผลกระทบต่อครอบครัวมากกว่าธุรกิจครอบครัว และสุดท้ายแล้วครอบครัวที่แข็งแกร่งจะเป็นกุญแจความสำเร็จให้กับธุรกิจเอง" ทั้งนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างวัฒนธรรมแบบเปิดเผยตรงไปตรงมาและยินดีที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น อีกทั้งทายาทรุ่นต่อไปต้องรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความคิดเห็น หรือแม้แต่การรับเอาความรู้อะไรก็ตามเข้ามาจะต้องได้รับการจัดการอย่างยุติธรรมและสร้างสรรค์อย่างแท้จริงด้วย

ที่มา:

1. Morley, S. 2016. The top 2 threats to family business in 2016 . Lead Partner: Family, Business & Wealth, Private Clients, PwC. Available: https://www.linkedin.com/pulse/top-2-threats-family-business-2016-stuart-morley

2. PwC. 2016. Great expectations : The next generation of family business leaders. Next Generation Survey 2016: An Australian Perspective. Available: https://pwc.docalytics.com/v/nextgensurvey_australianperspective

Photo : Pixabay
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,160 วันที่ 26 - 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559