จับตาธุรกิจอสังหาฯมือ2 บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท(SAM)ประเดิมเทขายสินทรัพย์ในสต๊อกค่ากว่า 3 พันล.

22 พ.ค. 2559 | 06:00 น.
SAM แนะจับตาธุรกิจอสังหากว้านซื้อที่ดิน/อสังหาฯมือ 2 ผุดธุรกิจทางเลือก หวังกระจายความเสี่ยง พร้อมเปิดแผนงานครึ่งปีหลัง เล็งขยายกลุ่มลูกค้ารายย่อยต่อเนื่องสู่ 50% หันปรับปรุงทรัพย์ก่อนขาย กระตุ้นความต้องการซื้อ แย้มเตรียมขนทรัพย์ในสต๊อกเทขายถึง 4 ครั้ง ประเดิมงานแรก 200 รายการ มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท ตั้งเป้าโกยยอดขาย 3 พันล้านบาท จากเป้าทั้งปี 4 พันล้านบาท

นายนิตย มาศะวิสุทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาด เนื่องจากภาวะเศรษกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการลงทุนภาครัฐ แต่ด้วยราคาที่ดินในปัจจุบันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โครงการที่พัฒนาใหม่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ดีเวลลอปเปอร์หลายบริษัทจึงต้องแสวงหาสินค้าใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยงธุรกิจ เช่น ธุรกิจพลังงาน โรงพยาบาล อาคารสำนักงาน เป็นต้น

โดยดูได้จากที่ดินของบริษัทที่ส่วนใหญ่ถูกซื้อโดยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำไปพัฒนาเป็นโซล่า ฟาร์ม หรือฟาร์มพลังงานลม จากแนวโน้มดังกล่าวจึงถือเป็นการสร้างโอกาสให้แก่บริษัทที่มีสินทรัพย์รอการขาย NPA ที่อยู่ในทำเลที่ดี รวมถึงสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่นักลงทุนสามารถเลือกซื้อเพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจได้ ตลอดจนที่อยู่อาศัยในทำเลศักยภาพโดย SAM มีสินทรัพย์ทุกประเภท ทุกจังหวัด อาทิ สิ่งปลูกสร้าง ที่อยู่อาศัย โรงแรม โรงพยาบาล ที่ดินเปล่า

สำหรับในปี 2559 บริษัทมีกลยุทธ์การบริหารจัดการทรัพย์สินให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มากขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกปี 2559 บริษัทได้เน้นเจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อยเพิ่มมากขึ้นโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 50% จากปัจจุบัน 20% ผ่านแผนการนำเสนอทรัพย์มือสองให้กับลูกค้าที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง การนำ NPA ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทเข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐ การจัดโปรโมชั่น SAM Light ผ่อนจ่าย 2 ปี ดอกเบี้ย 0% ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นปี และโปรโมชั่นยกเว้นค่าธรรมเนียมภาษี นอกจากนี้บริษัทยังคงตั้งราคาขายเดิมโดยไม่มีการปรับขึ้นราคาทรัพย์ตามการปรับขึ้นของราคาประเมินของกรมธนารักษ์ รวมถึงการปรับปรุงทรัพย์เพื่อให้อยู่ในสภาพพร้อมอยู่พร้อมใช้

ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์ที่รอการขายที่อยู่พอร์ต มูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง มูลค่ากว่า 1.19 หมื่นล้านบาท ที่ดินเปล่า มูลค่า 9,175 ล้านบาท ห้องชุด มูลค่า 649 ล้านบาท และอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และในปีนี้จะมีทรัพย์สินใหม่เข้ามาประมาณ 4-5 พันล้านบาท โดยมีงบในการซื้อทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีนโยบายปรับปรุงทรัพย์สินที่มีอยู่ให้มีความพร้อมในการขายมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างการดึงดูดต่อลูกค้า โดยในปีนี้มีการปรับปรุงทรัพย์ให้มีคุณภาพมากขึ้นประมาณ 50-60 รายการ

"บริษัทมีมูลค่าหนี้ที่ต้องบริหารมีกว่า 3 แสนล้านบาท โดยเป็นสินทรัพย์รอการขายอยู่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมาสามารถขายออกไปได้กว่า 4 พันล้านบาท และในปีนี้บริษัทตั้งเป้าขาย NPA ไว้ที่ 4 พันล้านบาท"นายนิตย กล่าว

สำหรับแผนงานในครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนนำทรัพย์เด่นๆจัดงานประมูลจำนวน 4 ครั้งได้แก่ ช่วงเดือน มิถุนายน สิงหาคม ตุลาคมและพฤศจิกายน ซึ่งมีทั้งที่อยู่อาศัย สิ่งปลูกสร้าง ทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยการประมูลทรัพย์ที่จะจัดขึ้นในเดือน มิถุนายนนี้ บริษัทได้คัดทรัพย์กว่า 200 รายการมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายจากงานประมาณ 2 พันล้านบาท

โดยทรัพย์เด่นๆที่จะนำออกประมูลในช่วงเดือนมิถุนายน ได้แก่ ที่ดินขนาด 143 ไร่ ติดถนนบางนา-ตราด กม. 29 หน้ากว้างเกือบ 300 เมตร ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.26 พันล้านบาท, ที่ดินขนาด 2 ไร่เศษ ริมถ.บรมราชชนนี ใกล้สายใต้ใหม่ ราคาเริ่มต้น 48.69 ล้านบาท, ที่ดินสนามกอล์ฟ 1,000 ไร่ อ.วังน้อย ราคาเริ่มต้น 549 ล้านบาท เป็นต้น นอกจากนี้ยังเตรียมนำโรงแรมราชพฤกษ์ ขนาด 159 ห้องกลางเมืองนครราชสีมา ที่ลูกหนี้ตีทรัพย์ชำระหนี้และส่งมอบเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยจะนำออกมาประมูลในเดือนสิงหาคมนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,158 วันที่ 19 - 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559