นักลงทุนต่างประเทศติดตามนโยบายใหม่ของนายโรดริโก ดูเตอร์เต ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากเป็นนักการเมืองที่ไม่มีพื้นความรู้ทางด้านเศรษฐกิจ “บลูมเบิร์ก” ระบุผู้ว่าแบงก์ชาติปินส์กลายเป็นเสาหลักความมั่นคงเศรษฐกิจ ขณะที่ “สเตรตส์ไทม์ส” ชี้ชัยชนะของนายดูเตอร์เตไม่กระทบเศรษฐกิจ
หนังสือพิมพ์บลูมเบิร์กรายงานว่า ชัยชนะของนายโรดริโก ดูเตอร์เต ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์ ทำให้นักลงทุนต่างประเทศ หวั่นไหวต่ออนาคตทางเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ที่กำลังพุ่งแรงเนื่องจากนายดูเตอร์เต ไม่มีพื้นฐานความรู้ทางด้านเศรษฐกิจหรือธุรกิจมาก่อนและไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์การบริหารเศรษฐกิจที่ชัดเจน ขณะที่เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์กำลังขยายตัวอย่างร้อนแรงจีดีพีขยายสูงที่สุดในอาเซียน
บลูมเบิร์ก ระบุว่าจากการสัมภาษณ์นักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์พบว่า เสาหลักของการบริหารเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ในสายตาของต่างชาติในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจจากประธานาธิบดีอากีโนที่ 3 มาเป็น ดูเตอร์เตคือ นายอามันโด เททังโก (Amando Tetangco) ผู้ว่าการแบงก์ชาติของฟิลิปปินส์ซึ่งได้รับการยอมรับกันในหมู่นักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์ต่างประเทศ
นายเททังโก อายุ 63 ปีเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติมา 11 ปีและจะหมดอายุการดำรงตำแหน่งในปี 2560 เป็นนายธนาคารกลางที่ได้แสดงฝีมือในการลดอัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์จนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปีทำให้สำรองเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัวและมีส่วนสำคัญทำให้เศรษฐกิจผ่านพ้นวิกฤตการณ์การเงินโลกในปี 2551 โดยไม่มีภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจ
นายเฟรดเดอริค นิวแมนน์ หัวหน้าร่วมฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจเอเชียของบริษัท เอชเอสบีซีโฮลดิ้งส์ฯ ในฮ่องกงให้สัมภาษณ์ บลูมเบิร์กว่า “นายเททังโก เป็นคนที่ได้รับการยอมรับนับถือ มีประวัติการทำงานที่ดีเด่น นำร่องให้เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ผ่านช่วงเวลายุ่งยากด้วยความหนักแน่น”
บลูมเบิร์กระบุว่า การหาเสียงของนายดูเตอร์เตเคย พาดพิงการทำงานของแบงก์ชาติว่าถ้าเป็นประธานาธิบดี จะทำให้หน่วยงานต่อต้านการฟอกเงินของแบงก์ชาติเดือดร้อนเนื่องจากมีการซ่อนสินทรัพย์เอาไว้ แต่แบงก์ชาติก็ตอบกลับว่าไม่เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้และทางแบงก์ไม่ฝักใฝ่การเมือง ทำให้นายดูเตอร์เตต้องออกมาพูดว่า ผู้ว่าแบงก์ชาติทำงานดีอยู่แล้ว
บลูมเบิร์กระบุว่านักเศรษฐศาสตร์ 14 ใน 15 คนที่สำรวจให้ความเห็นว่า นายดูเตอร์เต จะต้องออกมาแสดงให้นักลงทุนมั่นใจว่า เขาจะสามารถทำให้เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ที่ขยายตัวเฉลี่ย 6% ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาขยายตัวต่อไปได้ และต้องได้ความช่วยเหลือจากธนาคารกลางที่คงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ที่ 4%
ทางด้านหนังสือพิมพ์หนังสือพิมพ์สเตรตส์ไทม์ส รายงานในเวลาไล่เลี่ยกันว่า ชัยชนะของนายดูเตอร์เต กระทบเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ที่กำลังเจริญรุ่งเรืองน้อยมาก และมีนักลงทุนจำนวนมากที่แสดงความยินดีที่นายดูเตอร์เต ชนะการเลือกตั้งทำให้ดัชนีหุ้นเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 9 เดือนและทำให้เงินเปโซแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
นางจอยซ์ รามอส (Joyce Ramos) จากบริษัทหลักทรัพย์ เอสบีเซคเคียวริตี้ ในกรุงมะนิลา ให้สัมภาษณ์สเตรตส์ไทม์ส ว่า “ขณะนี้นายดูเตอร์เตอาจจะยังไม่ได้ประกาศแผนเศรษฐกิจที่ชัดเจน แต่โดยทั่วไปแล้วเรารู้สึกทางด้านบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจภายใต้บริหารงานของว่าที่ประธานาธิบดี”
นายเดวิด ที. เดลโลซารีโอ ผู้บริหารหลักทรัพย์จากบริษัท ซีแอลเอสเอฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ในกรุงมานิลาเช่นกันกล่าวว่า “นายดูเตอร์เต เป็นนักทำงาน คงไม่ทำให้เศรษฐกิจมีปัญหา ว่าที่ประธานาธิบดีคงแต่งตั้งคนที่เก่งทางด้านเศรษฐกิจในคณะรัฐมนตรี ส่วนตัวเองคงดูแลงานทางด้านความมั่นคงและความปลอดภัย”
สเตรตส์ไทม์ส ระบุว่านายดูเตอร์เต ยังไม่ได้ประกาศวิสัยทัศน์ทางด้านเศรษฐกิจที่ชัดเจน แต่ระหว่างหาเสียงได้พูดว่าสนใจที่จะทบทวนข้อจำกัดในการถือหุ้นใหญ่สำหรับนักลงทุนต่างชาติในบางภาคธุรกิจและเร่งโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,158 วันที่ 19 - 21 พฤษภาคม พ.ศ. 255