ARROW ส่งซิกอนาคตโตไม่หยุด-อุตฯก่อสร้างในอาคารยังสดใส

13 พ.ค. 2559 | 08:55 น.
 

[caption id="attachment_52729" align="aligncenter" width="335"] 3-คุณธานินทร์1_OK ธานินทร์ ตันประวัติ[/caption]

นายธานินทร์  ตันประวัติ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (ARROW) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/2559 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2559 ของบริษัท และบริษัทย่อยว่า มีกำไรสุทธิ จำนวน 69.62 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 62.16 ล้านบาท  คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 12 %  เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในส่วนของต้นทุนขายและบริการเท่ากับ 197.99 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 217.06 ล้านบาท ด้านดอกเบี้ยจ่ายลดลงจาก 0.49 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 0.29 ล้านบาท  ขณะที่กำไรก่อนหักภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นเป็น 80.76 ล้านบาท  จากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ  72.33  ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 112.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 97.25 % ขณะที่ส่วนของรายได้จากการขาย  297.02 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 303.31  ล้านบาท

อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเชื่อว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทจะพยายามรักษาอัตราการเติบโตให้แข็งแกร่งมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยจะเน้นขยายธุรกิจงานท่อร้อยสายไฟ ท่อกันน้ำ และท่อร้อยสายไฟใต้ดินตามความต้องที่เพิ่มสูงขึ้น  โดยตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ท่อร้อยสายไฟภายในประเทศแตะที่ระดับ 65% จากปัจจุบันอยู่ที่ 55% และยังคงเน้นเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นหลัก รวมถึงการลดต้นทุนในการผลิต เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25-30 % และผลักดันรายได้ให้เติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ คือ ไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท

“แม้ยอดขายจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่จากการที่บริษัทสามารถบริหารจัดการ ต้นทุนทางการผลิต ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้กำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้เติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี ซึ่งถือว่ามากกว่าที่ คาดการณ์ไว้ และเชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะยังคงทำผลงานให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยมุ่งเน้นลดต้นทุนในการผลิต และหางานใหม่ๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชนเข้ามาเติม เพื่อต่อยอดงาน ในมือ (Backlog) ให้เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ  240 ล้านบาท "นายธานินทร์ กล่าวในที่สุด