ม.หอการค้าไทย ชี้ภัยแล้ง- ส่งออกยังไม่ฟื้น ส่งผลเศรษฐกิจทำเงินหายไปจากระบบ 5 แสนล้านบาท คาดการณ์จีดีพี 2559 ขยายตัว 3% ภายใต้โจทย์รัฐระดมลงทุนตามแผน เศรษฐกิจโลกโตไม่ต่ำกว่า 2.5% และแผนแก้ปมหนี้ครัวเรือนประสบความสำเร็จ ประเมินส่งออกไทยทั้งปีติดลบ0.2-1.8%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย ถึงรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำไตรมาสที่ 1/2559 และประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2559-2560 ว่า เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2559 มีโอกาสขยายตัวประมาณ 2.5-3.5% โดยมีค่าเฉลี่ยที่ 3% ซึ่งเป็นการปรับลดคาดการณ์ลงจากเดิมที่จะขยายตัว 3-3.5% ขณะที่การส่งออกทั้งปี มีโอกาสติดลบ 0.2-1.8% โดยมีค่าเฉลี่ยเติบโตเพียง 0.8% มูลค่า 2.12 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการปรับลดคาดการณ์ลงจากเดิมที่จะขยายตัวที่ 3% มูลค่า 2.24 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ การนำเข้าขยายตัว 0.7% มูลค่า 1.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ดุลการค้าเกินดุล 4.77 หมื่นล้านบาท ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 4.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราเงินเฟ้อ ขยายตัว 0.4%
นอกจากนี้ คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก อยู่ที่ 3.2% โดยเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2% สหภาพยุโรป ขยายตัว 1.5% ญี่ปุ่นขยายตัว 0.3% จีน ขยายตัว 6.5% การลงทุนภาครัฐ ขยายตัว 20% อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย 1.5% อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ 0.54% ราคาน้ำมันดิบดูไบ 39.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 34.99บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ 32.87 ล้านคน จากปี 2558 ที่ผ่านมาที่มีจำนวน 29.89 ล้านคน
ส่วน ภาคการเกษตรยังคงติดลบ 3.2% ภาคอุตสาหกรรม ขยายตัว 2.5% การบริโภคภาคเอกชน ขยายตัว 1.6% การลงทุนของภาคเอกชน ขยายตัว 4.3% ภาคบริการ (สาขาโรงแรมและภัตราคาร) ขยายตัว 13% ทั้งนี้สาเหตุที่ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้ลง จากเดิมที่ 3.5% มาอยู่ที่ 3% เนื่องจากปัจจัยลบหลายด้าน เช่น ปัญหาภัยแล้งที่ยาวนาน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำส่งผลให้กำลังซื้อภาคเกษตรลดลง และสัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนสูงซึ่งมีผลต่อกำลังซื้อประชาชนทั่วไปเช่นกันทำให้เม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจหายไป 1.2 แสนล้านบาท ,การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ชัดเจนทำให้เม็ดเงินจากภาคการส่งออกหายไป 4 แสนล้านบาท
แต่ยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมีผลต่อการบริโภค ทำให้มีเม็ดเงินในหมุนเวียนในระบบรวม 1 แสนล้านบาท และเม็ดเงินจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวม 3 แสนล้านบาท เมื่อหักลบกันแล้วจะมีเม็ดเงินหายไปจากเศรษฐกิจเพียง 1 แสนล้านบาทหรือทำให้จีพีดีลดลง 0.5
“คาดว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆฟื้นช่วงปลายไตรมาส 3และ 4 จากปัจจัยภัยแล้งสิ้นสุดช่วงปลายไตรมาส 2 หรือเร็วที่สุดช่วงมิ.ย. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับมาดีขึ้นช่วงไตรมาส 3 และราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะยางพารา ที่ปัจจุบันเฉลี่ยที่กก.ละ 60 บาท จะทำให้การใช้จ่ายภายเกษตรดีขึ้น ตามทิศทางราคาน้ำมันที่คาดว่าจะแตะระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในช่วงปลายปี แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ในระดับ 3% ต้องขึ้นอยู่กับการลงทุนภาครัฐต้องขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น 10% โดยคาดการณ์ว่าครึ่งปีแรก จีดีพีจะขยายตัว 2.8% และครึ่งปีหลังขยายตัว 3.3% ส่วนคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2560 จะขยายตัว3.4% การส่งออกขยายตัว 3.1% แต่ภาคการเกษตรยังติดลบที่ 0.3% จากปัจจัยราคาพืชผลทรงตัวต่ำ ภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 3.2% เงินเฟ้อ ขยายตัว 1.2%”นายธนวรรธน์ กล่าว
ด้าน นายวิเชียร แก้วสมบัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ปี 2559 กรณีเศรษฐกิจไทยเลวร้ายที่สุด จะทำให้จีดีพีขยายตัวเพียง 2.3% ซึ่งโอกาสความเป็นไปได้เพียง 15% หากเศรษฐกิจโลกแย่กว่าที่คาดการณ์หรือขยายตัวลดลง 0.5% จาก 3.2% การลงทุนภาครัฐขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนได้เพียง 10% และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจำนวน 2 ครั้งในรอบปี 2559
ส่วนกรณีดีที่สุด จีดีพีมีโอกาสขยายตัว 3.4% มีโอกาสเป็นไปได้ 20% หากการลงทุนภาครัฐขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 30% และเฟดไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตลอดทั้งปี ส่วนโอกาสที่เป็นไปได้มากที่สุดคือจีดีพีขยายตัว 3% มีความเป็นไปได้ 65% แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการลงทุนภาครัฐถ้าขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียง 10% ก็จะทำให้จีดีพีขยายตัวเพียง 2.7% เท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามกรอบคาดการณ์จีดีพีที่ 2.5-3.5%