จีพีเอ็กซ์ กางแผนปี 60 อัดงบ 100 ล้านผุดโรงงานเฟส 2
สองล้อแบรนด์ไทย จีพีเอ็กซ์ เดินหน้าบุกตลาดเต็มตัว เตรียมทุ่มงบ 100 ล้านบาทสร้างโรงงานใหม่รองรับตลาดส่งออกและในประเทศที่ขยายตัว คาดปี 60 พร้อมดำเนินการ ขณะที่แผนตลาดปี 59 เล็งพัฒนารุ่นใหม่ปลายปี และเปิด "จีพีเอ็กซ์ เอ็กซ์คลูซีฟ" มั่นใจสิ้นปีโกยยอด 2 หมื่นคัน
[caption id="attachment_50875" align="aligncenter" width="500"]
ไชยยศ ร่วมใจพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีวี แพนเตอร์ จำกัด[/caption]
นายไชยยศ ร่วมใจพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีวี แพนเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบรนด์คนไทย"จีพีเอ็กซ์" เปิดเผยว่า แผนงานภายในปี 2560 จะมีการลงทุนเฟส 2 สำหรับโรงงานใหม่ที่ จ.สมุทรปราการ โดยจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมาอีก 2 พันคันต่อเดือน จากเดิมที่ผลิตเฉลี่ย 3 พันคันต่อเดือน หรือปีละ 3.5 หมื่นคัน
"การลงทุนเพิ่มจะทำให้เราสามารถผลิตได้ 5 พันคันต่อเดือน และจะทำให้เรามีความพร้อมในการขยายไปยังตลาดต่างประเทศ อาทิ เมียนมา, กัมพูชา ซึ่งเรามีความสนใจและวางแผนที่จะส่งออก โดยคาดว่าหากแผนการลงทุนโรงงานแล้วเสร็จ เราก็จะเดินหน้าตลาดต่างประเทศทันที อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นเรามีการส่งรถไปขายที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ในรุ่น เดมอน 125 ซึ่งเรามีตัวแทนขายอยู่และการตอบรับในเบื้องต้นถือว่าดีระดับหนึ่ง"
ขณะที่แผนงานในประเทศ ได้เตรียมงบประมาณทางการตลาด 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ใช้ประมาณ 20 ล้านบาท โดยจะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ล่าสุดในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมาได้เปิดตัว จีพีเอ็กซ์ ลีเจนด์ 150 ซีซี. พร้อมทั้งเปิดเดมอน สแครมเบลอ คอนเซ็ปต์ และในปลายปีที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป จะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่อีก 1 รุ่น
ส่วนแผนตลาดอื่นๆ จะมีการเข้าร่วมงานอีเวนต์ อาทิ มอเตอร์โชว์, บิ๊กมอเตอร์เซลส์, มอเตอร์เอ็กซ์โป รวมไปถึงการออกบูธตามห้างสรรพสินค้า การจัดกิจกรรมร่วมกับผู้แทนจำหน่าย และจะมีการเปิดเอ็กซ์คลูซีฟ-ช็อป ภายใต้ชื่อ "จีพีเอ็กซ์ เอ็กซ์คลูซีฟ" ที่มี 2 รูปแบบ ทั้งแบบแสตนด์ อโลน ที่ใช้งบลงทุนประมาณ 3 ล้านบาทขึ้นไป และแบบตึก ตั้งแต่ 2 คูหาขึ้นไป ใช้งบลงทุนประมาณ 1.5 ล้านบาท
"เรามีดีลเลอร์แบบมัลติแบรนด์จำนวน 150 รายทั่วประเทศ แต่ในปีนี้เราจะให้ความสำคัญกับช่องทางขายเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเตรียมเปิด "จีพีเอ็กซ์ เอ็กซ์คลูซีฟ" ที่วางเป้าหมายไว้ 20 สาขา โดยสาขาแรกเริ่มก่อสร้างแล้วที่เชียงใหม่ และในกทม .อีก 2 แห่ง คาดว่าจะได้เห็นภายในเดือนพฤษภาคม ปัจจุบันสัดส่วนการขายของบริษัทหลักๆ มาจากอีสาน 28% ,กทม. 20% ,เหนือ 20% ,ใต้ 10 % ,กลาง 15% และอื่นๆ 15%"
นายไชยยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ในตอนนี้ถือว่าทรงตัว แต่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตสวนทางตลาด ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ในรุ่นเดมอน 125 ซีซี. ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาที่ลูกค้าให้การตอบรับที่ดีมาก ส่วนยอดขาย 3 เดือนแรกของปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 6.8 พันคัน เพราะ 2 เดือนแรกของปี 2559 มียอด 4.4 พันคัน ขณะที่เดือนมีนาคมบริษัทประเมินว่าจะมีการขาย 2.4 พันคัน โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2559 ไว้ที่ 2 หมื่นคัน เติบโตกว่าปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 1.3 หมื่นคัน ขณะที่รายได้ในปีนี้คาดว่าจะทำได้1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 800 ล้านบาท
"รถของเรามีราคาถูกกว่าแบรนด์ญี่ปุ่นประมาณ 15% ซึ่งตลอด 4 ปีที่เราทำตลาดนี้อย่างจริงจัง มีการสร้างแบรนด์ ทำให้ปัจจุบันลูกค้ามีการเปิดใจมากขึ้น ยอมรับแบรนด์คนไทย ดังจะเห็นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน ซึ่งเราก็มีแผนงานพัฒนาต่อเนื่อง ด้วยการใช้ดีไซเนอร์จากอิตาลีในการออกแบบรถเพื่อสร้างความหลากหลาย โดยเราจะมีทั้งรถแบบคลาสสิก สปอร์ต, สปอร์ต เนคเกต และมินิ สปอร์ต ซึ่งเป็นกลุ่มยอดขายหลักของเรา มีสัดส่วนการขายกว่า 50%"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,155 วันที่ 8 - 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
[caption id="attachment_50875" align="aligncenter" width="500"]
นายไชยยศ ร่วมใจพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีวี แพนเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบรนด์คนไทย"จีพีเอ็กซ์" เปิดเผยว่า แผนงานภายในปี 2560 จะมีการลงทุนเฟส 2 สำหรับโรงงานใหม่ที่ จ.สมุทรปราการ โดยจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมาอีก 2 พันคันต่อเดือน จากเดิมที่ผลิตเฉลี่ย 3 พันคันต่อเดือน หรือปีละ 3.5 หมื่นคัน
"การลงทุนเพิ่มจะทำให้เราสามารถผลิตได้ 5 พันคันต่อเดือน และจะทำให้เรามีความพร้อมในการขยายไปยังตลาดต่างประเทศ อาทิ เมียนมา, กัมพูชา ซึ่งเรามีความสนใจและวางแผนที่จะส่งออก โดยคาดว่าหากแผนการลงทุนโรงงานแล้วเสร็จ เราก็จะเดินหน้าตลาดต่างประเทศทันที อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นเรามีการส่งรถไปขายที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ในรุ่น เดมอน 125 ซึ่งเรามีตัวแทนขายอยู่และการตอบรับในเบื้องต้นถือว่าดีระดับหนึ่ง"
ขณะที่แผนงานในประเทศ ได้เตรียมงบประมาณทางการตลาด 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ใช้ประมาณ 20 ล้านบาท โดยจะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ล่าสุดในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมาได้เปิดตัว จีพีเอ็กซ์ ลีเจนด์ 150 ซีซี. พร้อมทั้งเปิดเดมอน สแครมเบลอ คอนเซ็ปต์ และในปลายปีที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป จะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่อีก 1 รุ่น
ส่วนแผนตลาดอื่นๆ จะมีการเข้าร่วมงานอีเวนต์ อาทิ มอเตอร์โชว์, บิ๊กมอเตอร์เซลส์, มอเตอร์เอ็กซ์โป รวมไปถึงการออกบูธตามห้างสรรพสินค้า การจัดกิจกรรมร่วมกับผู้แทนจำหน่าย และจะมีการเปิดเอ็กซ์คลูซีฟ-ช็อป ภายใต้ชื่อ "จีพีเอ็กซ์ เอ็กซ์คลูซีฟ" ที่มี 2 รูปแบบ ทั้งแบบแสตนด์ อโลน ที่ใช้งบลงทุนประมาณ 3 ล้านบาทขึ้นไป และแบบตึก ตั้งแต่ 2 คูหาขึ้นไป ใช้งบลงทุนประมาณ 1.5 ล้านบาท
"เรามีดีลเลอร์แบบมัลติแบรนด์จำนวน 150 รายทั่วประเทศ แต่ในปีนี้เราจะให้ความสำคัญกับช่องทางขายเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเตรียมเปิด "จีพีเอ็กซ์ เอ็กซ์คลูซีฟ" ที่วางเป้าหมายไว้ 20 สาขา โดยสาขาแรกเริ่มก่อสร้างแล้วที่เชียงใหม่ และในกทม .อีก 2 แห่ง คาดว่าจะได้เห็นภายในเดือนพฤษภาคม ปัจจุบันสัดส่วนการขายของบริษัทหลักๆ มาจากอีสาน 28% ,กทม. 20% ,เหนือ 20% ,ใต้ 10 % ,กลาง 15% และอื่นๆ 15%"
นายไชยยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ในตอนนี้ถือว่าทรงตัว แต่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตสวนทางตลาด ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ในรุ่นเดมอน 125 ซีซี. ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาที่ลูกค้าให้การตอบรับที่ดีมาก ส่วนยอดขาย 3 เดือนแรกของปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 6.8 พันคัน เพราะ 2 เดือนแรกของปี 2559 มียอด 4.4 พันคัน ขณะที่เดือนมีนาคมบริษัทประเมินว่าจะมีการขาย 2.4 พันคัน โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2559 ไว้ที่ 2 หมื่นคัน เติบโตกว่าปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 1.3 หมื่นคัน ขณะที่รายได้ในปีนี้คาดว่าจะทำได้1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 800 ล้านบาท
"รถของเรามีราคาถูกกว่าแบรนด์ญี่ปุ่นประมาณ 15% ซึ่งตลอด 4 ปีที่เราทำตลาดนี้อย่างจริงจัง มีการสร้างแบรนด์ ทำให้ปัจจุบันลูกค้ามีการเปิดใจมากขึ้น ยอมรับแบรนด์คนไทย ดังจะเห็นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน ซึ่งเราก็มีแผนงานพัฒนาต่อเนื่อง ด้วยการใช้ดีไซเนอร์จากอิตาลีในการออกแบบรถเพื่อสร้างความหลากหลาย โดยเราจะมีทั้งรถแบบคลาสสิก สปอร์ต, สปอร์ต เนคเกต และมินิ สปอร์ต ซึ่งเป็นกลุ่มยอดขายหลักของเรา มีสัดส่วนการขายกว่า 50%"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,155 วันที่ 8 - 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559