โฮมโปร Q1/59 สวนกระแสศก.ซบโกยรายได้รวมกว่า 1.4 หมื่นล้าน

03 พ.ค. 2559 | 09:10 น.
[caption id="attachment_49913" align="aligncenter" width="336"] IMG_9329 คุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล[/caption]

นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ )บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน )หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2559 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับงวดเท่ากับ 866.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132.50 ล้านบาท หรือ 18.06% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวม จำนวน 14,611.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,515.53 ล้านบาท หรือ 11.57% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งประกอบไปด้วย

รายได้จากการขาย จำนวน 13,631.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,351.23 ล้านบาท หรือ 11.00%  ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม   และการเติบโตจากสาขาใหม่   ทั้งธุรกิจโฮมโปร  และธุรกิจเมกา  โฮม  โดยในไตรมาส  1  ปี  2559  บริษัทฯ  ได้เปิดสาขาในรูปแบบโฮมโปรเพิ่ม 1 แห่ง ได้แก่ สาขาชัยพฤกษ์

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้ค่าเช่าและบริการ จำนวน 447.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.42 ล้านบาท หรือ 31.62%  เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่ของศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ และหัวหิน รวมถึงรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้นจากพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเติมของสาขาโฮมโปร

 

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้อื่น จำนวน 533.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.88 ล้านบาท หรือ 11.94% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ค่าโฆษณา และรายได้จากการส่งเสริมการขาย รวมถึงรายได้จากค่าบริการ “โฮมแคร์” จากลูกค้า

นายคุณวุฒิ ทั้งนี้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น สำหรับไตรมาส 1 ปี 2559 จำนวน 3,412.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 238.06 ล้านบาท หรือ 7.50% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในไตรมาสที่ 1 อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลงจาก 25.85% ในไตรมาส 1 ปี 2558 เป็น 25.03% ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจโฮมโปรอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้า และโครงสร้างอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเมกาโฮมที่ต่ำกว่า

สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร สำหรับไตรมาส 1 ปี 2559 จำนวน 3,181.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 245.24 ล้านบาท หรือ 8.35% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมราคา และเงินเดือน อย่างไรก็ตาม อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้น โดยลดลงจาก 23.91% ในไตรมาส 1 ปี 2558 เป็น 23.34%