พีกโอกาสพุ่ง 3 หมื่นเมกะวัตต์ กฟผ.ระดมนํ้ามันเตาและดีเซลรับมือยันไฟฟ้าพอใช้

04 พ.ค. 2559 | 01:00 น.
กฟผ.ห่วงพีกไฟฟ้าแตะ 3 หมื่นเมกะวัตต์ หากยังไร้ฝนตกช่วงต้นพ.ค.นี้ ระดมน้ำมันเตาและดีเซลผลิตไฟฟ้าไว้รับมือแล้ว ขณะที่กระทรวงพลังงานยังเฝ้าระวังไม่เกิน 2.95 หมื่นเมกะวัตต์ จากล่าสุดพีกพุ่งขึ้นไปที่ 2.94 เมกะวัตต์แล้ว ยันมีไฟฟ้าพอใช้ไม่น่าห่วง วอนประชาชนร่วมมือประหยัดพลังงาน เพื่อไม่ต้องเดินโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนสูง มีผลกระทบต่อค่าไฟ

[caption id="attachment_49829" align="aligncenter" width="700"] ความต้องการการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่เกิดขึ้น ความต้องการการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่เกิดขึ้น[/caption]

นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะโฆษก กฟผ. เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงสถานการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนนี้ว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนต่อเนื่องมีอุณหภูมิสูงกว่า 38 องศาเซลเซียสนั้น ส่งผลให้มีปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือพีกสูงกว่าปีที่ผ่านมาแล้ว โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมา พีกได้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 29,403 เมกะวัตต์ หากอากาศยังร้อนต่อเนื่อง มีโอกาสที่พีกจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3 หมื่นเมกะวัตต์ได้ ซึ่งถือเป็นพีกที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

โดยทาง กฟผ. ยังคงเฝ้าระวังพีกไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องทุกช่วงวัน แต่ยืนยันว่าสามารถรับมือกับปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากยังมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งถึง3.8 หมื่นเมกะวัตต์ เมื่อเทียบกับพีกไฟฟ้าที่เกิดขึ้นยังเหลือกำลังผลิตไฟฟ้ากว่า 8 พัน เมกะวัตต์ ประกอบกับ กฟผ. ได้เตรียมน้ำมันเตาและดีเซลสำหรับโรงไฟฟ้าที่อาจจำเป็นต้องผลิตในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงไว้แล้ว

นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.คาดการณ์พีกไฟฟ้าปีนี้มีโอกาสเกิดพีกอีกครั้งภายในในช่วงสัปดาห์นี้ เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า ไทยจะมีอากาศร้อนจัดขึ้นอีก จากนั้นจะเข้าสู่ช่วงวันหยุด วันแรงงานแห่งชาติ วันฉัตรมงคล และวันพืชมงคล ในเดือนพฤษภาคม จะมีผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง และตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปจะเริ่มมีฝนตกและอากาศเย็นลง ทำให้การใช้ไฟฟ้าลดลง

ส่วนกำลังผลิตรองรับพร้อมจ่ายไฟนั้น มีความมั่นคงเพียงพอ เนื่องจากมีปริมาณไฟฟ้าสำรองที่ประมาณ 10-15% หรือมีไฟฟ้าพร้อมจ่ายได้จริงไม่ต่ำกว่า 3.2 หมื่นเมกะวัตต์ หากมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ กฟผ. ได้มีการเตรียมพร้อม โดยสำรองน้ำมันเตาที่โรงไฟฟ้าราชบุรีและโรงไฟฟ้าบางปะกง รวมถึงให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สำรองก๊าซธรรมชาติ เพื่อรองรับสถานการณ์

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า พีกไฟฟ้าที่เกิดขึ้นปีนี้เชื่อว่ากระทรวงพลังงานจะสามารถรับมือได้ หากเกิดพีกขึ้นอีกรอบคงไม่เกิน 29,500 เมกะวัตต์ เทียบกับปริมาณการผลิตไฟฟ้า 3.8 หมื่นเมกะวัตต์ แต่โรงไฟฟ้าบางโรงอาจปิดซ่อมก็อาจจะเหลือกำลังการผลิตอยู่ที่ 3.3-3.4 หมื่นเมกะวัตต์ ส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนก็คำนวณตามสัดส่วนการผลิต ดังนั้นจึงไม่มีความกังวลพีกไฟฟ้ามากนัก ขณะเดียวกันทาง กฟผ. ก็เตรียมสำรองโรงไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงไว้แล้ว แต่กระทรวงพลังงานยังคงใช้มาตรการรณรงค์ประหยัดพลังงานต่อเนื่อง เพราะไม่ต้องการให้เดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนสูง จนส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้า

"การเลือกผลิตไฟฟ้าจะต้องเลือกโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพก่อน แต่หากไม่เพียงพอจึงจะสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนสูง ส่วนโครงการดีอาร์ของ กกพ.ไม่ได้นำมาใช้ในช่วงพีก แต่จะใช้เฉพาะช่วงที่ขาดแคลนไฟฟ้าหรือช่วงที่แหล่งก๊าซธรรมชาติปิดซ่อมเท่านั้น เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายชดเชยผู้ประกอบการ จึงส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้า"นายประเสริฐ กล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,153 วันที่ 1 - 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559