ผนึกกำลังสร้างเสริมภูมิคุ้มกันเด็กไทย

27 เม.ย. 2559 | 07:27 น.
สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย และมูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน ร่วมกันสนับสนุนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคไอพีดี (IPD) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้แก่เด็กไทยทั่วทุกภูมิภาคที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไอพีดีและไม่สามารถเข้าถึงการรับวัคซีนป้องกันโรคนี้ได้
สืบเนื่องในสัปดาห์สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโลก ทั้งสององกรค์ร่วมกันส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคไอพีดีให้แก่เด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดรุนแรงและแพร่กระจาย(โรคไอพีดี) ซึ่งประกอบด้วยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคติดเชื้อในกระแสเลือด และโรคปอดบวม จากรายงานขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO (World Health Organization) ซึ่งระบุว่า การติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสนั้นเป็นสาเหตุสำคัญของโรคร้ายแรงที่เกิดแก่ร่างกาย และคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกเป็นจำนวนมาก โดยองค์การอนามัยโลกได้ประมาณจำนวนผู้เสียชีวิตการติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสนี้ไว้สูงถึง 1.6 ล้านคนต่อปี ในจำนวนนี้มีทารกและเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ถึงหนึ่งล้านคน
องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดให้สัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายนในทุกๆปีเป็นสัปดาห์สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโลก (World Immunization Week) ซึ่งปีนี้ได้มีการจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 – 30 เมษายน 2559 เพื่อสร้างความรู้และความตระหนักให้แก่บุคคลทั่วไป ให้เห็นถึงความสำคัญของการป้องกันโรคต่างๆด้วยวัคซีน และรณรงค์ให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้รับการปกป้องจากโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน
นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ ประธานมูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชนและอดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับสัปดาห์สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโลกในปีนี้ ทางองค์การอนามัยโลกได้ส่งเสริมเรื่อง “Close the Immunization Gap” เพื่อเน้นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงวัคซีนสำหรับเด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและสมควรได้รับการป้องกัน ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการลดช่องว่างของการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันสำหรับเด็กไทยเป็นอย่างดี
“โครงการนี้ยังเป็นการร่วมมือครั้งแรกระหว่างมูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชนและสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ที่ทางมูลนิธิฯเองได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากและยังเป็นโครงการที่ตรงกับจุดมุ่งหมายของมูลนิธิฯ ในการเพิ่มช่องทางการให้ความรู้และการเข้าถึงวัคซีนให้แก่ประชาชน พร้อมผลักดันให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเล็งเห็นความสำคัญของวัคซีนที่มีต่อคุณภาพชีวิตของคนไทย”

จากสถิติขององค์การอนามัยโลก การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคต่างๆด้วยวัคซีนสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้มากถึง 2 - 3 ล้านคนต่อปี หากแต่ในปัจจุบันยังพบว่าเด็กทั่วโลกจำนวนถึง 18.7 ล้านคน ยังไม่สามารถเข้าถึงการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนพื้นฐานได้ตามที่ควร2 ซึ่งหากมีการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคต่างๆด้วยวัคซีนเพิ่มขึ้นอาจสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้อีก 1.5 ล้านคน
รองศาสตราจารย์พิเศษนายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวเกี่ยวกับความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “เนื่องด้วยปัจจุบัน ยังมีเด็กไทยจำนวนมากที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไอพีดีแต่ไม่สามารถเข้าถึงการรับวัคซีนป้องกันโรคนี้ได้ ซึ่งในปีที่ผ่านมา เราได้บริจาควัคซีนป้องกันโรคไอพีดีให้แก่โรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางมากถึง 13 โรงพยาบาล และในปีนี้ เราได้เพิ่มจำนวนวัคซีนป้องกันโรคไอพีดี จาก 500 โด๊สในปีที่ผ่านมาเป็น 5,000 โด๊ส เพื่อให้เด็กไทยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไอพีดีทั่วทั้งประเทศสามารถเข้าถึงโอกาสในการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคไอพีดีได้มากขึ้น”
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนป้องกันโรคนั้นได้รับการยอมรับในระดับสากลให้เป็นเครื่องมือที่ช่วยลดอัตราการเกิดโรคในเด็กและผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นลดการเกิดโรคคอตีบ, ไอกรน, บาดทะยัก, หัด, หัดเยอรมัน, คางทูม, ไวรัสตับอักเสบเอ, ไวรัสตับอักเสบบี, อีสุกอีใส รวมทั้งโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส[3] เป็นต้น
ในปี 2559 ไฟเซอร์(ประเทศไทย)ให้การสนับสนุนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต่อโรคไอพีดีให้กับสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย และมูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับเด็กไทยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไอพีดีแต่ไม่สามารถเข้าถึงการรับวัคซีนป้องกันโรคนี้ทั่วประเทศ โดยจะเริ่มส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางทั่วทุกภูมิภาคตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2559เป็นต้นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อเด็กเหล่านี้ในการป้องกันโรคที่รุนแรงนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ