The Next Generation : Succession intentions over time

30 เม.ย. 2559 | 01:00 น.
การสืบทอดกิจการของธุรกิจครอบครัวนั้นมีความสำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่จะชี้บอกว่าธุรกิจครอบครัวจะประสบความสำเร็จในระยะยาวและอยู่ได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ ดังนั้น EY Global Family Business Center of Excellence จึงจัดทำ GUESSS Project (Global University Entrepreneurial Spirit Students’ Survey) ซึ่งได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักศึกษาจำนวน 109,000 ราย ในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2013 - เมษายน 2014 จาก 34 ประเทศทั่วโลก หรือจากมหาวิทยาลัยกว่า 750 แห่ง โดยการศึกษานี้ใช้ข้อมูลจากนักศึกษาที่มีธุรกิจครอบครัว จำนวน 34,113 ราย เพื่อศึกษาความตั้งใจในการเป็นผู้ประกอบการและความตั้งใจในการเข้าสืบทอดธุรกิจครอบครัว พบว่า นักศึกษามีความต้องการจะประกอบอาชีพที่หลากหลายจากการที่ได้ทำงานในองค์กรไม่แสวงผลกำไรเพื่อเริ่มสร้างบริษัทของตนเอง อย่างไรก็ตามมีนักศึกษาจำนวนค่อนข้างน้อยที่วางแผนจะเข้าไปทำงานในธุรกิจครอบครัว โดยมีเพียง 3.5% ของนักศึกษาที่พ่อแม่มีธุรกิจครอบครัวมีความตั้งใจที่เข้าไปเป็นทายาทสืบทอดทันทีหลังจากเรียนจบ ในขณะที่อีก 4.9% บอกว่าจะเข้าไปหลังจากเรียนจบแล้ว 5 ปี ทั้งนี้โดยทั่วไปแล้วหลังจากเรียนจบนักศึกษาส่วนใหญ่มักจะนึกภาพตัวเองทำงานในบริษัทขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ซึ่งเกือบ 60% ก็วางแผนจะทำเช่นนั้น แต่การทำงานแบบนี้จะมีน้อยกว่าในกลุ่มที่ตั้งใจจะทำงานหลังเรียนจบ 5 ปี นอกจากนี้ยังพบว่ากว่า 1 ใน 3 ของนักศึกษาที่ถูกสำรวจยังต้องการที่จะก่อตั้งบริษัทของตนเองอีกด้วย (ภาพที่ 1) ซึ่งจากผลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้ขาดจิตวิญญาณในการเป็นผู้ประกอบการหรือขาดแรงจูงใจที่จะทำให้พวกเขาเข้าสู่ธุรกิจครอบครัวแต่อย่างใด

aaab-b-1

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาเป็นรายประเทศจากผลการสำรวจยังพบว่า นักศึกษาในแต่ละประเทศมีความตั้งใจในการสืบทอดธุรกิจค่อนข้างมาก โดยนักศึกษาในเม็กซิโก เบลเยียมและสโลเวเนียมีความตั้งใจสูงสุดในการที่จะเข้าร่วมในธุรกิจครอบครัวหลังจากเรียนจบแล้ว 5 ปี

aaab-b-2

ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา อิสราเอลและเดนมาร์ก มีนักศึกษาที่คิดจะเจริญตามรอยพ่อแม่ของพวกเขาน้อยกว่า ทั้งนี้ในประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่เส้นทางในการสืบทอดกิจการนั้นจะน่าดึงดูดมากกว่าหากอยู่ในช่วงหลังจากที่เรียนจบไปแล้ว 5 ปี (ภาพที่ 2) ซึ่งจากผลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่บางคนวางแผนที่จะออกไปหาประสบการณ์ความมืออาชีพจากบริษัทอื่นภายนอกก่อนเข้าสู่ธุรกิจครอบครัว

aaab-b-3

อย่างไรก็ตามแม้จะมีนักศึกษาจำนวนค่อนข้างน้อยที่วางแผนอย่างชัดเจนในการเข้าไปรับช่วงธุรกิจครอบครัว แต่จำนวนของทายาทที่เข้ามาสืบทอดกิจการจริงๆ แล้วมีมากกว่านั้น เมื่อนักศึกษาถูกถามความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการยินดีที่จะเป็นทายาทของธุรกิจครอบครัว พบว่า 19.7% มีแนวโน้มที่จะเห็นด้วย ซึ่งหมายความว่ามีความเป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะกลายมาเป็นทายาทในวันใดวันหนึ่ง (ภาพที่ 3) อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับการสำรวจในปี 2011 ซึ่งมีถึง 22.7% ถือว่าความตั้งใจในการสืบทอดกิจการนั้นลดลง ทั้งนี้อาจเป็นผลมาจากการปรับปรุงตลาดแรงงานในหลายประเทศ เมื่องานมีความหลากหลายมากขึ้นจึงทำให้ทายาทรุ่นใหม่มีทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นด้วย ดังนั้นความต้องการเข้ามารับช่วงธุรกิจครอบครัวจึงลดลง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งเนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาเอกชนจำนวนมากมีการเปิดสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของกิจการและธุรกิจครอบครัวมากขึ้น ทำให้นักศึกษาได้ข้อมูลในเชิงลึกและมุมมองที่แท้จริงเกี่ยวกับวิธีการและความต้องการที่จะเป็นทายาทธุรกิจ ซึ่งแน่นอนเมื่อได้รับข้อมูลเหล่านี้แล้วนักศึกษาบางคนก็อาจเลือกที่จะไม่เข้าสู่ธุรกิจครอบครัว เพราะพวกเขาอาจพบทางเลือกอื่นที่น่าสนใจกว่าหรือเชื่อว่าพวกเขาสามารถใช้ทักษะความสามารถได้ดีกว่าหากทำอาชีพอื่น

อย่างไรก็ตามสำหรับนักศึกษาที่ตั้งใจจะเป็นทายาทสืบทอดธุรกิจครอบครัวหลังจากที่ได้เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับมรดกที่ตกทอดมาจากการเรียนการสอนดังกล่าวมักจะมีแรงจูงใจมากขึ้น รวมถึงมีความสามารถและทักษะมากขึ้นด้วย และแม้จากผลการสำรวจจะพบว่าทายาทที่มีตั้งใจจะเข้าสู่ธุรกิจครอบครัวอาจดูเหมือนลดลง แต่คุณภาพของทายาทเหล่านั้นกลับมีมากขึ้น ซึ่งปรากฏการณ์เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับธุรกิจครอบครัวทีเดียว

ที่มา: Zellweger, T., Siege,P. and Englisch,P. 2015. Coming home or breaking free? : A closer look at the succession intentions of next-generation family business members. EY Family Business Center of Excellence. www.ey.com/familybusiness.

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,152 วันที่ 28 - 30 เมษายน พ.ศ. 2559