พาณิชย์ตามติดนโยบายธัญพืชจีน มั่นใจไม่ส่งผลต่อราคามันสำปะหลังไทย

22 เม.ย. 2559 | 08:29 น.
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับนโยบายรับซื้อและระบายข้าวโพดในสต็อกของรัฐบาลจีน ซึ่งผู้ส่งออกมันสำปะหลังของไทยมีความกังวลว่าจะส่งผลกดดันให้ราคามันสำปะหลังที่นำเข้าจากไทยตกต่ำลง เนื่องจากข้าวโพดเป็นธัญพืชทดแทนมันสำปะหลังในการผลิตแอลกอฮอล์นั้น

ล่าสุด รัฐบาลจีนโดยNational Development and Reform Commission (NDRC) ได้ประกาศแนวทางการปฏิรูปนโยบายบริหารจัดการธัญพืชครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี ตามแนวคิด supply-side reform กล่าวคือ ยกเลิกนโยบายรับซื้อและระบายข้าวโพดในสต็อก หันมาทำการอุดหนุนเกษตรกรให้ลดพื้นที่เพาะปลูกและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแทน ในขณะเดียวกันจะส่งเสริมให้ผู้ซื้อรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรโดยตรงในราคาตลาด ซึ่งการยกเลิกนโยบายรับซื้อและระบายข้าวโพดในสต็อกดังกล่าว  มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ราคาข้าวโพดภายในประเทศเป็นไปตามกลไกตลาด รวมทั้งลดความแตกต่างของราคาข้าวโพดภายในประเทศและข้าวโพดที่นำเข้า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังมีข้าวโพดคงเหลืออยู่ในสต็อก จึงคาดว่ารัฐบาลจีนจะประกาศรายละเอียดการระบายสต็อกข้าวโพด ในช่วงหลังจากที่เสร็จสิ้นการรับซื้อข้าวโพดในเดือนเมษายน 2559

นางดวงพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่านโยบายข้าวโพดของจีน     ปี 2559/2560 จะเป็นอย่างไร ซึ่งนโยบายดังกล่าวไม่น่าเป็นที่กังวลมากนัก เนื่องจากจีนเพาะปลูกข้าวโพดมากทางตอนเหนือของประเทศ ในขณะที่โรงงานแอลกอฮอล์ซึ่งนำเข้ามันเส้นจำนวนมากไปเป็นวัตถุดิบตั้งอยู่ทาง  ตอนใต้ของจีน ซึ่งมีระยะทางที่ห่างไกลกันมาก อีกทั้งนโยบายอุดหนุนเกษตรกรให้ลดพื้นที่เพาะปลูกและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดของรัฐบาลจีนดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าข้าวโพดและธัญพืชทดแทนข้าวโพด เช่น ข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เล่ย์ ที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาและนิวซีแลนด์มากกว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อราคา  มันสำปะหลังที่นำเข้าจากไทย ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศจะติดตามมาตรการข้าวโพดของจีนอย่างใกล้ชิด

อนึ่ง จีนเป็นตลาดส่งออกมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอันดับ 1 ของไทย โดยในปี 2558 ไทยส่งออกไปจีน ปริมาณ 7.287 ล้านตันคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.57 ของปริมาณที่ส่งออกไปทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ร้อยละ 7.5