"ทรัมป์"ยันจำเป็นต้องใช้กองกำลังติดอาวุธคุมเหตุจลาจล

02 มิ.ย. 2563 | 01:00 น.

ประธานาธิบดีโดนัดล์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ให้คำมั่นสัญญาว่า คณะบริหารของรัฐบาลสหรัฐจะให้ความเป็นธรรมต่อนาย “จอร์จ ฟลอยด์” ชายผิวสีที่ถูกตำรวจใช้เข่ากดคอกับพื้นจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พ.ค. อย่างไรก็ตามเขายืนยันว่าจำเป็นต้องส่งกองกำลังติดอาวุธเข้าควบคุม เหตุการณ์จลาจล

"ทรัมป์"ยันจำเป็นต้องใช้กองกำลังติดอาวุธคุมเหตุจลาจล

ทรัมป์แถลงข่าวที่ทำเนียบขาวในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย (2 มิ.ย.) เขากล่าวว่า จะยืนเคียงข้างผู้ที่ประท้วงอย่างสันติ แต่การประท้วงที่เกิดขึ้นในขณะนี้เต็มไปด้วยความรุนแรง และไม่ใช่การกระทำของผู้ที่รักสันติ

 

ผู้นำสหรัฐได้กล่าวตำหนิรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐต่าง ๆ ที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ให้สงบเรียบร้อยได้ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลกลางสหรัฐจึงจำเป็นต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ เพื่อยุติความรุนแรงและการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลจะส่งกองกำลังทหารเข้าประจำการ หากเมืองและรัฐต่าง ๆไม่ดำเนินการใด ๆ พร้อมระบุว่า รัฐบาลจะระดมทรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อยุติการจลาจลและการปล้นสะดมที่เกิดขึ้นในขณะนี้

"ทรัมป์"ยันจำเป็นต้องใช้กองกำลังติดอาวุธคุมเหตุจลาจล

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า เขาจะส่งกองกำลังติดอาวุธจำนวนหลายพันนายเข้ามาควบคุมสถานการณ์

 

ทั้งนี้ นอกจากการประกาศเคอร์ฟิวใน 25 รัฐ  ทรัมป์ยังประกาศจะขึ้นบัญชีดำ ให้ขบวนการเคลื่อนไหว “แอนติฟา”เป็นกลุ่มก่อการร้าย

"ทรัมป์"ยันจำเป็นต้องใช้กองกำลังติดอาวุธคุมเหตุจลาจล

นิวยอร์กไทม์ส สื่อใหญ่ของสหรัฐรายงานวานนี้ (1 มิ.ย.) ว่า มีการชุมนุมประท้วงใน 75 เมืองเป็นอย่างน้อย จากสถานการณ์การเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวจับกุมและใช้เข่ากดคอกับพื้นนานหลายนาทีจนเสียชีวิตในเมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินเนโซตา เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา (25 พ.ค.) การประท้วงลุกลามกลายเป็นความรุนแรงและก่อจลาจลในหลายพื้นที่ ทำให้มีการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่อย่างน้อย 25 รัฐ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการประท้วงที่รุนแรงได้ จนขณะนี้ทางการต้องส่ง กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ หรือ เนชั่นแนล การ์ด เข้ารักษาความสงบเรียบร้อยในกว่า 10 รัฐ

"ทรัมป์"ยันจำเป็นต้องใช้กองกำลังติดอาวุธคุมเหตุจลาจล

รายงานระบุว่า ในนครลอสแอนเจลิส มีร้านค้าปลีกถูกปล้นสะดม มีผู้ประท้วงถูกจับกุมไปแล้วหลายร้อยคน ทางการสหรัฐต้องประกาศห้ามประชาชนในนครลอสแอนเจลิสและนครซานฟรานซิสโก ออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 20.00-05.30 น. ส่วนที่นิวยอร์ก ผู้ประท้วงได้พากันชุมนุมตามสถานที่ที่มีชื่อเสียง เช่นในย่านไทม์สแควร์ ตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ประท้วงที่ก่อเหตุรุนแรงได้กว่า 300 คน

 

กรุงวอชิงตันดีซีเมืองหลวง ต้องประกาศคำสั่ง “เคอร์ฟิว” ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในตอนกลางคืนแล้ว ตั้งแต่เวลา 23.00น. ของคืนวันอาทิตย์ไปจนถึง 06.00น.ของเช้าวันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมได้เรียกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้ามาช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานของตำรวจ หลังผู้ประท้วงยังคงชุมนุมกันที่ใกล้ทำเนียบขาวและเกิดการกระทบกระทั่งกับตำรวจ

เหตุการณ์ตึงเครียดริมรั้วทำเนียบขาว

สถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงหลายแห่งในกรุงวอชิงตัน ดีซี เช่น เนชั่นแนล มอลล์ (National Mall) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ถูกพ่นสีเป็นภาพกราฟฟิตี เกิดความเสียหายกับสถานที่ต่าง ๆ รายรอบ และมีข้อความพ่นสีว่า“ยังไม่เหนื่อยกันอีกหรือ?”ปรากฏที่อนุสรณ์สถานลินคอล์น (Lincoln Memorial)

 

ส่วนที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย มีการเผชิญหน้าระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุม สถานการณ์ตึงเครียด จนถึงขั้นที่ตำรวจต้องยิงระเบิดควันและแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม ทั้งนี้ มีรายงานว่า โดยรวมแล้วขณะนี้มีผู้ถูกจับกุมอันเนื่องจากเหตุชุมนุมประท้วงอย่างน้อย 4,100 คน

 

 นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์น่าตกใจในระหว่างการประท้วงในหลายเมือง เช่นที่เมืองมินนิอาโปลิส รถบรรทุกกึ่งพ่วงคันหนึ่งพุ่งฝ่าฝูงชนบนสะพานใกล้ย่านใจกลางเมือง แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนขับรถบรรทุกถูกผู้ประท้วงทำร้ายจนบาดเจ็บและถูกตำรวจจับกุมไป  อีกเหตุการณ์เกิดขึ้นที่เมืองวิซาเลีย รัฐแคลิฟอร์เนีย รถจี๊ปคันหนึ่ง ได้ชนผู้หญิงที่ยืนประท้วงอยู่กลางถนน จนล้มลงก่อนที่จะไปชนผู้ประท้วงอีกคน ต่อมา ผู้หญิงคนดังกล่าว ทวีตข้อความว่าเธอไม่เป็นอะไรและพวกเธอออกมาประท้วงอย่างสงบ และที่ย่านบรูกลิน ในนครนิวยอร์ก รถยนต์ตำรวจคันหนึ่งได้พุ่งเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่ยืนขวางอยู่บนถนน จนผู้ประท้วงต้องยอมเปิดทางให้รถตำรวจคันดังกล่าวผ่านไปในที่สุด

"ทรัมป์"ยันจำเป็นต้องใช้กองกำลังติดอาวุธคุมเหตุจลาจล

ขึ้นบัญชีดำกลุ่มก่อการร้าย

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความเมื่อวันอาทิตย์ (31 พ.ค.) ว่า รัฐบาลวอชิงตัน จะขึ้นบัญชีดำ กลุ่ม“แอนติฟา” ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการเคลื่อนไหวที่มีจุดยืนทางการเมืองซ้ายจัด ให้เป็นองค์กรก่อการร้าย แต่เขายังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยระบุว่า กลุ่มแอนติฟา เป็นพวกซ้ายจัด และ ต่อต้านฟาสซิสต์แบบตกขอบ อยู่เบื้องหลังการปลุกระดมประชาชนให้ลุกฮือก่อความรุนแรงและความวุ่นวายทั่วประเทศ โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่

 

ในส่วนของคดีความเกี่ยวกับนายตำรวจที่ทำให้นายจอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิตนั้น นายเบนจามิน ครัมป์ ทนายความได้ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า นายเดเร็ก ชอวิน อายุ 44ปี ซึ่งขณะนี้ถูกไล่ออกจากการเป็นตำรวจแล้ว ได้ถูกตั้งข้อหาพร้อมตำรวจอีก 3 นายว่าฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา มีโทษจำคุกสูงสุด25ปีและข้อหาทำให้คนตายโดยประมาท มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี

จอร์จ ฟลอยด์ (ซ้าย) และเดเร็ก ชอวิน

อย่างไรก็ตาม นายครัมป์ให้ความเห็นว่า การกระทำของนายชอวินอาจถูกพิจารณาว่าเป็นการฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองล่วงหน้าได้ เพราะมีเจตนาใช้เข่ากดคอนานเกือบ 9 นาทีทั้งที่นายฟลอยด์ร้องบอกว่าหายใจไม่ได้ แต่นายชอวินก็ยังใช้เข่ากดคอนายฟลอยด์อีกเกือบ 3 นาทีหลังจากเขาหมดสติไปแล้ว พร้อมกันนี้ ยังเผยว่าได้หลักฐานเป็นเสียงบันทึกจากกล้องติดตัวตำรวจ ซึ่งได้ยินตำรวจนายหนึ่งพูดว่านายฟลอยด์ นิ่งไปแล้ว ควรพลิกตัวเขาขึ้นมาไหม แต่นายชอวินตอบปฏิเสธว่า ต้องกดเขาไว้ในท่านี้ต่อไป แสดงให้เห็นว่ามีเจตนาทำให้เสียชีวิต

อ่านเพิ่มเติม

เผย “ทรัมป์” หนีลงหลุมหลบภัยนาทีม็อบล้อมทำเนียบขาว

“เคอร์ฟิว” เมืองใหญ่สหรัฐ ขอกองกำลังควบคุมสถานการณ์

“เทย์เลอร์ สวิฟต์” เปิดศึก “ทรัมป์” คนนับล้านกดไลค์

ประท้วง "สหรัฐ" ม็อบเดือดลามทั่ว ทวง “ความเป็นธรรม” แด่คนผิวสี