เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 26 พ.ค.63 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พล.อ.ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ รองเสนาธิการทหาร พร้อมด้วย นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 1) เจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กรมควบคุมโรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการรับคนไทยที่เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น หมู่เกาะมัลดิฟส์ และเกาหลีใต้เดิน กลับประเทศไทย จำนวน 5 เที่ยวบิน รวมจำนวนคนไทยที่ตกค้างในประเทศดังกล่าว 399 คน โดยในจำนวนนี้พบว่ามีไข้ทั้งหมด 25 คน
ทั้งนี้กลุ่มคนไทยในประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานและนักศึกษา 171 คน และชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่การทูตสถานเอกอัครราชทูตญี่ปูนประจำประเทศไทย 4 คน เดินทางจากกรุงโตเกียวมาถึงประเทศไทย ด้วยสายการบินออลนิปปอนแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ NH847 สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG643 และสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ JAL31 ทันทีเมื่อมาถึงเข้าการคัดกรองการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เบื้องต้น ทำประวัติการเดินทางและพิธีการตรวจคนเข้าเมือง พบว่าผู้โดยสารมีไข้ 14 คน เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลทันที ส่วนผู้โดยสารอีกจำนวน 153 คน กระจายไปกักตัว 14 วัน ตามมาตรการรัฐบาล ที่โรงแรมบาซาร์ ถ.รัชดาภิเษก, โรงแรมเมอเวนพิค ถ.วิทยุ, โรงแรมคิวว์ สุขุวิท 79, โรงแรมดิไอดอล จ.ปทุมธานี ขณะที่เจ้าหน้าที่การทูตชาวญี่ปุ่น 4 คน ทางสถานทูตมารับตัวไปกักตัวที่สถานที่ที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทยจัดเตรียมไว้
ส่วนกลุ่มคนไทยที่ตกค้างในหมู่เกาะมัลดิฟส์ จำนวน 78 คน ได้เดินทางจากกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา กลับมาประเทศไทย ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสายการบินมัลดิเวียน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ Q2-9350 เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคตรวจพบผู้โดยสารมีไข้สูง 1 คน นำส่งโรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ ทำการตรวจหาเชื้ออย่างละเอียด ส่วนผู้โดยสารคนที่เหลือทั้งหมด ถูกพาไปกักตัวที่โรงแรมเบย์บีชพัทยา จ.ชลบุรี และโรงแรมเมอเวนพิค ถ.วิทยุ
ต่อมาในช่วงเวลา 21.45 น.กลุ่มคนไทยที่ยังตกค้างในประเทศเกาหลีใต้ จำนวนประมาณ 150 คน หลังจากผ่านการคัดกรองการติดเชื้อและด่านตรวจคนเข้าเมือง พบมีไข้สูง 10 คน เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ผู้โดยสารที่เหลือถูกพาไปกักตัว 14 วัน ตามมาตรการรัฐบาล ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถ.ราชดำเนิน, โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ สุขุมวิท, โรงแรมพาลาสโซ ถ.รัชดาภิเษก
สำหรับญี่ปุ่นในช่วงแรกๆของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ญี่ปุ่นถูกวิจารณ์ว่ารับมือไม่ทันท่วงที ทำให้นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตเมืองใหญ่ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน ก่อนจะขยายครอบคลุมทั่วประเทศในเวลาต่อมา
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นไม่มีอำนาจทางกฎหมายในการสั่งปิดเมือง แต่การควบคุมการระบาดของโรคที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเมื่อเทียบกับประเทศชั้นนำทางเศรษฐกิจอื่น ๆ เป็นสิ่งที่สร้างความแปลกใจให้ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งญี่ปุ่นมีพลเมืองเป็นผู้สูงอายุจำนวนมาก แต่ญี่ปุ่นกลับมีอัตราการระบาดต่ำกว่าอีกหลายประเทศ
ข้อมูล ณ วันที่ 25 พ.ค.2563 ญี่ปุ่นมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวน 820 คน และมีผู้ติดเชื้อราว 16,550 คน