ดัน5หมื่นล.อปท.อัดท่องเที่ยว ชุดทำงานประชารัฐชงไทยฟู้ดแอนด์ฟรุ๊ตเสนอบิ๊กตู่18 เม.ย.นี้
คณะทำงานประชารัฐด้านท่องเที่ยว เลือก "ไทยฟูดแอนด์ ฟรุต" เสนอ "ประยุทธ์" ในการประชุม 12 คณะทำงาน 18 เม.ย.นี้ ดันสร้างรูปธรรมในอีก 6 เดือน หวังอปท. ใช้เงินสะสมราว 5-6 หมื่นล้านบาทพัฒนาท่องเที่ยวในท้องถิ่น หลังนายกฯย้ำควรลงทุนตามพื้นที่คลัสเตอร์ท่องเที่ยว
[caption id="attachment_43886" align="aligncenter" width="700"]
ประเด็น Quick Win[/caption]
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือททท.เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในวันที่ 18 เมษายนนี้ คณะกรรมการสานพลังประชารัฐทั้ง 12 คณะจะมีการประชุมร่วมกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งทางคณะทำงานด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและไมซ์ จะหยิบยกประเด็นเรื่องของไทยฟูดแอนด์ ฟรุต ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ประเด็น Quick win ด้านการท่องเที่ยว (ตารางประกอบ) นำเสนอเพื่อผลักดันให้เป็นรูปธรรมในช่วง 6 เดือนนี้
ล่าสุดททท. ได้เข้าไปทำงานร่วมกับคณะทำงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ เพื่อร่วมพัฒนาเรื่องของวิสาหกิจชุมชน ที่ระยะแรกจะนำร่องใน 4 ภาค คือ ภูเก็ต เพชรบุรี อุดรธานี เชียงใหม่ และบุรีรัมย์ ร่วมกับคณะทำงานด้านการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและวิสาหกิจเริ่มต้น (SMEs&Start-up) เพราะมีเรื่องเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
ขณะเดียวกันในการจัดการประชุม"พลังขับเคลื่อนประชารัฐเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยว" ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเชิญองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กว่า 2 พันคนเข้ามาร่วมประชุม โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม เพื่อชี้แจงแนวทางการใช้จ่ายเงินสะสมของอปท.เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาลนั้น เพื่อสร้างความชัดเจนให้อปท. รับทราบหลักเกณฑ์ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะผลักดันให้เกิดแนวทางการพัฒนาในท้องถิ่นตามแนวประชารัฐ
ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีเงินสะสมรวมกันถึง 3 แสนล้านบาท เบื้องต้นมองว่าหากผลักดันให้เกิดการใช้เงินสะสมราว 5-6 หมื่นล้านบาท ในการพัฒนาท้องถิ่นตามแนวประชารัฐ จะเกิดประโยชน์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้ชี้แจงหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนสำหรับการลงทุนได้ 5-6 เรื่อง อาทิ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาแหล่งน้ำ การแก้ปัญหาความยากจน การส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวในการประชุม พลังท้องถิ่นขับเคลื่อนประชารัฐเพื่อการท่องเที่ยว ถึงแนวทางการขับเคลื่อนของภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่า รัฐบาลเป็นแกนกลางสำคัญด้านการลงทุน และส่งมอบหน้าที่ด้านการพัฒนาปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว สินค้าและบริการที่จะสร้างรายได้ให้หมุนเวียนในท้องถิ่น ให้กับท้องถิ่นต่างๆ โดยยึดตามคลัสเตอร์ท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัด พร้อมสร้างความเชื่อมโยงต่อเนื่องในแต่ละท้องถิ่น การสร้างสินค้าและบริการ ต้องเน้นสร้างความแตกต่าง ดึงความเป็นตัวตนทางวัฒนธรรม ภายใต้ต้นทุนที่ไม่สูง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเกิดรายได้ สร้างความยั่งยืนในท้องถิ่น และเมื่อภาครัฐและประชาชนเดินหน้าแล้ว ในส่วนของปลายน้ำ คือภาคเอกชนต้องเดินทางมองหาตลาดสนับสนุนให้เกิดการเคลื่อนไหวด้านการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม
ด้านนายพงศ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนด้านการท่องเที่ยว โดยท้องถิ่นจะต้องคำนึงถึงการพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงตามความถนัดของแต่ละท้องถิ่นเป็นหลัก ส่วนภาครัฐนั้น จะเริ่มพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยว จากโครงการที่มีเป้าหมายชัดเจน มีความรวดเร็วและมีความสามารถในการบริหารก่อน อาทิ การติดไฟแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน การพัฒนาสาธารณูปโภคในพื้นที่เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ทุกโครงการที่ดำเนินการจะต้องมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
ด้านแหล่งข่าวจากคณะทำงานประชารัฐด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและไมซ์ กล่าวว่าการส่งเสริมเรื่องของ ไทยฟูดแอนด์ฟรุต ที่จะผลักดันให้เป็นรูปธรรม จะโปรโมตอาหารไทย 6 อย่างและผลไม้ไทยตามฤดูกาล เพี่อให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ในทุกทัช พอยต์ นับตั้งแต่ตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวไทย ได้แก่ ส้มตำ มัสมั่น แกงเขียวหวาน ต้มข่า ต้มยำกุ้ง ผัดไทย ที่จะต้องร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ทั้งสนามบิน บนเครื่องบิน โซเชียลต่างๆ โรงแรมต่างๆ เพื่อโปรโมตและสร้างกิจกรรมเพื่อส่งเสริมอาหารและผลไม้ไทยใน 6 อย่างนี้
พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงทุนด้านการท่องเที่ยวจะต้องเป็น การลงทุนที่ราคาไม่สูงจนเกินความจำเป็น โดยอาศัยเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมของไทยเป็นหลักแทนการลงเม็ดเงิน และการลงทุนจะต้องเป็นไปอย่างรู้คุณค่าตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ การรักษาฐานนักท่องเที่ยวเดิมและเพิ่มคุณภาพของนักท่องเที่ยวใหม่การเพิ่มคุณค่าของสินค้าและบริการ การเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ โดยเริ่มจาก 8 คลัสเตอร์หลัก การบำรุง ฟื้นฟู และ การรักษาความปลอดภัย ในสถานที่ท่องเที่ยว และการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในงานด้วยว่า การดำเนินงานทุกขั้นตอนจะต้องเป็นไปในรูปแบบประชารัฐ เน้นการใช้งบประมาณอย่างรู้คุณค่า รวมทั้งชูเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,147 วันที่ 10 - 13 เมษายน พ.ศ. 2559
[caption id="attachment_43886" align="aligncenter" width="700"]
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือททท.เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในวันที่ 18 เมษายนนี้ คณะกรรมการสานพลังประชารัฐทั้ง 12 คณะจะมีการประชุมร่วมกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งทางคณะทำงานด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและไมซ์ จะหยิบยกประเด็นเรื่องของไทยฟูดแอนด์ ฟรุต ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ประเด็น Quick win ด้านการท่องเที่ยว (ตารางประกอบ) นำเสนอเพื่อผลักดันให้เป็นรูปธรรมในช่วง 6 เดือนนี้
ล่าสุดททท. ได้เข้าไปทำงานร่วมกับคณะทำงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ เพื่อร่วมพัฒนาเรื่องของวิสาหกิจชุมชน ที่ระยะแรกจะนำร่องใน 4 ภาค คือ ภูเก็ต เพชรบุรี อุดรธานี เชียงใหม่ และบุรีรัมย์ ร่วมกับคณะทำงานด้านการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและวิสาหกิจเริ่มต้น (SMEs&Start-up) เพราะมีเรื่องเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
ขณะเดียวกันในการจัดการประชุม"พลังขับเคลื่อนประชารัฐเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยว" ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเชิญองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กว่า 2 พันคนเข้ามาร่วมประชุม โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม เพื่อชี้แจงแนวทางการใช้จ่ายเงินสะสมของอปท.เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาลนั้น เพื่อสร้างความชัดเจนให้อปท. รับทราบหลักเกณฑ์ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะผลักดันให้เกิดแนวทางการพัฒนาในท้องถิ่นตามแนวประชารัฐ
ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีเงินสะสมรวมกันถึง 3 แสนล้านบาท เบื้องต้นมองว่าหากผลักดันให้เกิดการใช้เงินสะสมราว 5-6 หมื่นล้านบาท ในการพัฒนาท้องถิ่นตามแนวประชารัฐ จะเกิดประโยชน์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้ชี้แจงหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนสำหรับการลงทุนได้ 5-6 เรื่อง อาทิ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาแหล่งน้ำ การแก้ปัญหาความยากจน การส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวในการประชุม พลังท้องถิ่นขับเคลื่อนประชารัฐเพื่อการท่องเที่ยว ถึงแนวทางการขับเคลื่อนของภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่า รัฐบาลเป็นแกนกลางสำคัญด้านการลงทุน และส่งมอบหน้าที่ด้านการพัฒนาปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว สินค้าและบริการที่จะสร้างรายได้ให้หมุนเวียนในท้องถิ่น ให้กับท้องถิ่นต่างๆ โดยยึดตามคลัสเตอร์ท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัด พร้อมสร้างความเชื่อมโยงต่อเนื่องในแต่ละท้องถิ่น การสร้างสินค้าและบริการ ต้องเน้นสร้างความแตกต่าง ดึงความเป็นตัวตนทางวัฒนธรรม ภายใต้ต้นทุนที่ไม่สูง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเกิดรายได้ สร้างความยั่งยืนในท้องถิ่น และเมื่อภาครัฐและประชาชนเดินหน้าแล้ว ในส่วนของปลายน้ำ คือภาคเอกชนต้องเดินทางมองหาตลาดสนับสนุนให้เกิดการเคลื่อนไหวด้านการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม
ด้านนายพงศ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนด้านการท่องเที่ยว โดยท้องถิ่นจะต้องคำนึงถึงการพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงตามความถนัดของแต่ละท้องถิ่นเป็นหลัก ส่วนภาครัฐนั้น จะเริ่มพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยว จากโครงการที่มีเป้าหมายชัดเจน มีความรวดเร็วและมีความสามารถในการบริหารก่อน อาทิ การติดไฟแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน การพัฒนาสาธารณูปโภคในพื้นที่เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ทุกโครงการที่ดำเนินการจะต้องมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
ด้านแหล่งข่าวจากคณะทำงานประชารัฐด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและไมซ์ กล่าวว่าการส่งเสริมเรื่องของ ไทยฟูดแอนด์ฟรุต ที่จะผลักดันให้เป็นรูปธรรม จะโปรโมตอาหารไทย 6 อย่างและผลไม้ไทยตามฤดูกาล เพี่อให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ในทุกทัช พอยต์ นับตั้งแต่ตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวไทย ได้แก่ ส้มตำ มัสมั่น แกงเขียวหวาน ต้มข่า ต้มยำกุ้ง ผัดไทย ที่จะต้องร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ทั้งสนามบิน บนเครื่องบิน โซเชียลต่างๆ โรงแรมต่างๆ เพื่อโปรโมตและสร้างกิจกรรมเพื่อส่งเสริมอาหารและผลไม้ไทยใน 6 อย่างนี้
พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงทุนด้านการท่องเที่ยวจะต้องเป็น การลงทุนที่ราคาไม่สูงจนเกินความจำเป็น โดยอาศัยเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมของไทยเป็นหลักแทนการลงเม็ดเงิน และการลงทุนจะต้องเป็นไปอย่างรู้คุณค่าตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ การรักษาฐานนักท่องเที่ยวเดิมและเพิ่มคุณภาพของนักท่องเที่ยวใหม่การเพิ่มคุณค่าของสินค้าและบริการ การเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ โดยเริ่มจาก 8 คลัสเตอร์หลัก การบำรุง ฟื้นฟู และ การรักษาความปลอดภัย ในสถานที่ท่องเที่ยว และการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในงานด้วยว่า การดำเนินงานทุกขั้นตอนจะต้องเป็นไปในรูปแบบประชารัฐ เน้นการใช้งบประมาณอย่างรู้คุณค่า รวมทั้งชูเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,147 วันที่ 10 - 13 เมษายน พ.ศ. 2559