เร่งตั้งวิสาหกิจชุมชนเสริมแกร่งให้ครบ76จังหวัด

12 เม.ย. 2559 | 11:00 น.
คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ลุย สร้างชุมชนเข้มแข็งเดินหน้าตามนโยบายรัฐบาล เร่งตั้งวิสาหกิจชุมชนให้ครบ18กลุ่มจังหวัด 76จังหวัดทั่วประเทศ หลังลงพื้นที่พร้อมตั้งบริษัทรักสามัคคีอุดรธานีฯ ตามติดภูเก็ต ตอกย้ำสานพลังประชารัฐ ช่วยผลักดันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

นายอภิชาต โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมพัฒนาชุมชน เผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศภายใต้ความร่วมมือของ ภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน ซึ่งเรียกรวมกันว่า”ประขารัฐ” และได้มีการแต่งตั้ง คณะกรรมการสานกำลังประชารัฐ ขึ้น ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2558 พร้อมจัดตั้งคณะทำงาน 12 คณะ ซึ่งประกอบด้วย ผู้นำภาครัฐจาก กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ร่วมกับภาคเอกชนและภาคประชาสังคมนั้น

ซึ่งกลไกประชารัฐ ภาครัฐและภาคเอกชน ได้กำหนดตัวขับเคลื่อนไว้ 7 เรื่อง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเหล่านั้นจะถูกสนับสนุนโดยปัจจัย 5 ประการคือ การสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การสร้างความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาที่ครอบคลุมเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำ การบริหารจัดการที่ดีของภาครัฐ และการพัฒนาคนไทยให้มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง ภายใต้ยุทธศาสตร์หลัก 4 เรื่อง คือ ธรรมาภิบาล นวัตกรรมและผลิตภาพ การยกระดับคุณภาพทุนมนุษย์ และการมีส่วนร่วมในความมั่งคั่ง ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์หลักของรัฐบาลที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล ในการลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพคน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

สำหรับกรอบการทำงานของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ จะเป็นการทำงานด้วยการเน้นความต้องการของประชาชนเป็นตัวตั้ง ส่งเสริมความรู้ และอัตลักษณ์ในชุมชน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้านเอกชนสามารถช่วยได้เป็นพิเศษ เนื่องจากสามารถนำข้อมูลของตลาดในระดับโลกและในประเทศ รวบรวมและสื่อสารกับเกษตรกร และร้านค้าปลีกเพื่อผลิตให้สอดคล้องกับศักยภาพและความต้องการของตลาด นอกจากนี้แล้วบริษัทค้าปลีกที่มีความรู้ในการบริหารจัดการ ยังสามารถถ่ายทอดความรู้เพื่อพัฒนาเกษตรกรให้เป็น Smart Farmers

ทั้งนี้ความร่วมมือจาก 3 ภาคส่วน จะช่วยเชื่อมโยงความต้องการตลาด และการผลิตได้มากขึ้น สิ่งที่รัฐบาลจะทำเพิ่ม คือการเพิ่มการรับรู้ และสร้างความเข้าใจกับทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ระยะการดำเนินการต้องมีกำหนดอย่างชัดเจน เพื่อติดตามผล และประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ผ่านโครงการและกิจกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ สร้างการรับรู้เพื่อสู่ความยั่งยืน การสร้างตลาด สร้างองค์ความรู้ การเข้าถึงปัจจัยการตลาดผ่านทาง SMWs เกษตร ผลิตภัณฑ์แปรรูป การท่องเที่ยวและอื่นๆ

ด้านนายฐาปน สิริวัฒนภักดี หัวหน้าทีมทีมภาคเอกชนฯ ในฐานะกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) และหัวหน้าทีมภาคเอกชนคณะทำงานพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ กล่าวในขณะลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานีว่า ได้เร่งส่งเสริมเศรษฐกิจในชุมชน ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ตามนโยบายรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เช่น เงินทุน วัตถุดิบ พัฒนาการบริหารจัดการ ส่งเสริมการสร้างมูลค่าจากองค์ความรู้ในชุมชน หาช่องทางการตลาด ส่งเสริมให้มีความรู้ข้อมูลข่าวสาร ฯลฯ โดยมุ่งสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่ชุมชนใน 3 เรื่องได้แก่ การเกษตร การแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชน และการท่องเที่ยวชุมชน

ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานของคณะทำงานฯบรรลุสู่วัตถุประสงค์ในทุกพื้นที่ จึงมีแนวคิดจัดตั้ง วิสาหกิจชุมชนพื้นที่ เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปด้วยความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล สร้างประโยชน์กลับมาสู่ชุมชนใน 18 กลุ่มจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ มีบริษัท โฮลดิ้ง(Holding) เป็นตัวกลางมีเป้าหมายหลักในสังคม

หลังจากรัฐบาลนำร่องระยะที่ 1 พร้อมกัน 4 ภาค 5 จังหวัด คือ ภูเก็ต เพชรบุรี อุดรธานี เชียงใหม่ และจังหวัดบุรีรัมย์ สำหรับในภาคอีสานตอนบน 1 กำหนดให้จังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดแรกในการดำเนินงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ โดยจะจัดตั้งเป็น บริษัท ประชารัฐ รักสามัคคีอุดรธานี จำกัด เช่นเดียวกับที่ดำเนินการที่จังหวัดภูเก็ตมาแล้ว และการจัดตั้งฯทั้ง 5 จังหวัดจะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 18 เมษายน 2559 เพื่อให้ทันกับการประชุมร่วมกัน ด้านเงินทุนจะมาจากธนาคารเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธกส.) และธนาคารออมสินดังกล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,147 วันที่ 10 - 13 เมษายน พ.ศ. 2559