ข้อจำกัดของการสืบทอดธุรกิจ

15 เม.ย. 2559 | 01:00 น.
เจ้าของธุรกิจครอบครัวต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและมีจำนวนมากที่พร้อมจะวางมือจากธุรกิจ แต่พวกเขามีการเตรียมตัวอย่างไร พร้อมแล้วจริงหรือไม่? ซึ่งจากการที่ Kreischer Miller ได้ทำการสำรวจธุรกิจครอบครัว ใน Greater Philadelphia โดยใช้การสำรวจแบบออนไลน์ในปี 2015 พบว่า 65% ของเจ้าของธุรกิจรุ่นอาวุโสยังขาดแผนในการปลดเกษียณที่ชัดเจน และกว่าครึ่งของคนที่ตั้งใจจะเกษียณตัวเองยังไม่ได้ทำแผนการสืบทอดกิจการ ทั้งนี้จากการที่ธุรกิจครอบครัวนั้นอยู่ภายใต้ความกดดันมากกว่าธุรกิจทั่วไป จึงพบว่าธุรกิจส่วนตัวกว่า 6 ล้านรายคาดว่าจะเปลี่ยนมือภายใน 10 ปีข้างหน้า เมื่อถามผู้ถูกสำรวจว่าพวกเขาได้มีการเลือกผู้นำองค์กรในอนาคตและมีแผนการสืบทอดการบริการเอาไว้หรือไม่ ธุรกิจครอบครัว 63% บอกว่าพวกเขามีการเลือกผู้นำองค์กรคนต่อไปเอาไว้แล้ว และมีเพียง 49% ที่บอกว่าพวกเขามีแผนการสืบทอดการบริหารเอาไว้แล้ว ขณะที่สาเหตุส่วนใหญ่ที่เป็นข้ออ้างว่าเหตุใดถึงยังไม่มีแผนคือเป็นเพราะ บริษัทกำลังหาทางออกอยู่ (21%) หรือยังไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรดี (12%) (ตาราง 1)

[caption id="attachment_43370" align="aligncenter" width="503"] ภาพที่ 1 ตารางที่ 1[/caption]

เมื่อถามผู้ถูกสำรวจว่ามีการเขียนแผนฉุกเฉินกรณีที่อาจได้รับผลกระทบหากมีสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นหรือไม่ มีเพียง 51% ที่ระบุว่าพวกเขามีแผนฉุกเฉินเอาไว้แล้ว และเมื่อถามต่อไปถึงเหตุการณ์หรือผลลัพธ์ที่มีคาดว่าจะเกิดขึ้นหากเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น คำตอบที่พบมากที่สุดคือสมาชิกในครอบครัวจะเข้ามาในธุรกิจและบริหารธุรกิจต่อไป (42%) หรือผู้บริหารที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวจะเข้ามาบริหารธุรกิจ (36%) (ตาราง 2) ทั้งนี้สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ผู้ถูกสำรวจส่วนใหญ่ระบุว่าครอบครัวจะเข้ามาในธุรกิจและบริหารต่อไปในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นนั้น ทำให้ตั้งสมมติฐานได้ว่าในความจริงแล้วครอบครัวมีความพร้อม เต็มใจและสามารถที่จะก้าวเข้ามาในธุรกิจได้ ซึ่งจากอัตราความสำเร็จที่ต่ำของการถ่ายโอนกิจการธุรกิจครอบครัวตามที่กล่าวมาในข้างต้น นี่ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยที่น่าจับตามอง

[caption id="attachment_43371" align="aligncenter" width="503"] ตาราง 2 ตาราง 2[/caption]

อย่างไรก็ตามเมื่อถามเกี่ยวกับแนวโน้มการทำแผนถ่ายโอนกิจการของบริษัท 55% ของผู้ถูกสำรวจบอกว่าพวกเขาคาดหวังว่าธุรกิจจะถูกส่งต่อไปยังสมาชิกในครอบครัว ขณะที่ 18% ตอนนี้ยังไม่มีแผนการถ่ายโอนกิจการ และอีก 17% จะขายกิจการให้บุคคลที่ 3 (ตาราง 3) ทั้งนี้แม้ว่าผู้ถูกสำรวจส่วนใหญ่คาดว่าจะส่งต่อธุรกิจให้กับคนในครอบครัว แต่กลับมีเพียง 37% เท่านั้นที่บอกว่าพวกเขามีการจัดทำแผนในการพัฒนาทักษะของทายาทรุ่นต่อไปที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำ โดยพบว่ากิจกรรมที่ธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่จัดทำขึ้นมาเพื่อการเตรียมตัวทายาทได้แก่ สัมมนาการศึกษา (educational seminars) 52% โปรแกรมพี่เลี้ยง (mentoring programs) 48% และการเรียนที่อาศัยการร่วมและการแบ่งปันกันในกลุ่มสมาชิก (peer groups) 48% เป็นต้น อย่างไรก็ตามจากสถิติอัตราเกี่ยวกับความสำเร็จของธุรกิจครอบครัวในการถ่ายโอนกิจการ จากข้อค้นพบของ Family Business Institute ในปี 1015 ที่พบว่ามีเพียง 30% ที่ประสบความสำเร็จในการถ่ายโอนกิจการมาถึงของรุ่น 2 และมีเพียง 12% ที่รอดมาถึงรุ่น 3 นั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ธุรกิจครอบครัวจะต้องมีการวางแผนเพื่อนำทางและเป็นเข็มทิศโดยเตรียมการทำเป็นแผนและกระบวนการประจำปีก่อนที่เจ้าของธุรกิจรุ่นอาวุโสจะพร้อมที่จะเกษียณต่อไป

[caption id="attachment_43372" align="aligncenter" width="503"] ตารางที่ 3 ตารางที่ 3[/caption]

ที่มา: Kreischer Miller. 2016. Family Business Survey: The Impending Perfect Storm Facing family Businesses. Available: http://www.kmco.com/wp/wp-content/uploads/2016-Kreischer-Miller-Family-Business-Survey.pdf

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,146 วันที่ 7 - 9 เมษายน พ.ศ. 2559