1 มี.ค.โดนแน่ คุก2ปี ปรับ5แสน ปกปิดข้อมูล "ไวรัสโคโรนา"

28 ก.พ. 2563 | 06:50 น.

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2563 ให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID)) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 เพื่อประโยชน์ในการเผ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่ออันตราย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคมนี้

สาระสำคัญคือการกำนดให้ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID))เป็นโรคติดต่อร้ายแรงอันดับที่ 14 ของไทย ด้วยการระบุอาการไว้อย่างชัดเจนว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อ มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หอบเหนื่อย หรือมีอาการของโรคปอดอักเสบ ในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลว และอาจถึงขั้นเสียชีวิต

1 มี.ค.โดนแน่ คุก2ปี ปรับ5แสน ปกปิดข้อมูล "ไวรัสโคโรนา"  

สำหรับ 14 รายชื่อโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงได้แก่   1. กาฬโรค  2. ไข้ทรพิษ  3.ไข้เลือดออกไครเมียนคองโก 4.ไข้เวสต์ไนล์ 5. ไข้เหลือง 6. โรคไข้ลาสซา 7.โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ 8.โรคติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์ก 9.โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา 10.โรคติดเชื้อไวรัสเฮนดรา 11.โรคซาร์ส 12.โรคเมอร์ส 13.วัณโรคดื้อยาหลายขนานชนิดรุนแรงมาก 14. โคโรนาไวรัส 2019หรือโควิด-19

การประกาศให้โรคไวรัสโควิด-19 หรือ โคโรนา เป็นโรคติดต่ออันตราย ลำดับที่ 14 ของไทยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความสามารถในการควบคุม และทีมแพทย์จะได้ทำงานสะดวกมากขึ้น เพราะหากพบผู้ที่สงสัยว่าอาจติดเชื่อ สามารถสั่งตรวจได้ทันที ที่สำคัญคือกำหนดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องแจ้งกรมควบคุมโรคภายใน 3 ชั่วโมง ถ้าไม่แจ้งจะมีโทษปรับและโทษจำคุกได้ 

ทั้งนี้ฐานเศรษฐกิจตรวจสอบพบว่าตามพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ.2558  ในกรณีที่จงใจปิดบังข้อมูลประวัติการเดินทางจากประเทศเสี่ยง จาก “พระราชบัญญัติโรคติดต่อแห่งชาติ พ.ศ.2558” ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558 

มาตรา 49 ระบุว่า  ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 และมาตรา 52 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ หรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

1 มี.ค.โดนแน่ คุก2ปี ปรับ5แสน ปกปิดข้อมูล "ไวรัสโคโรนา"

นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษกับเจ้าของพาหนะหรือสถานประกอบการหากปกปิดข้อมูลไม่ทำตามคำสั่ง อาจโดนโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 5 แสนบาทด้วย

 โทษจำคุกและปรับดังกล่าว หากผู้ป่วยจงใจปิดบังข้อมูลการเดินทางยังประเทศเสี่ยงไวรัสโคโรนา หรือไม่ยอมเข้ารับการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายฉบับนี้จะมีโทษทางกฎหมาย ทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนข้อสงสัยข้อกังวลของประชาชนที่เดินทางไปพื้นที่เสี่ยงกลับมาแล้วจะปฏิบัติตัวอย่างไร ขอความร่วมมือ ต้องสังเกตอาการป่วยอยู่ที่บ้านที่พักจนครบ 14 วัน นับจากวันที่กลับ หลีกเลี่ยงการไปที่สาธารณะที่มีคนอยู่หนาแน่นโดยไม่จำเป็น ให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น งดใช้ของใช้ร่วมกับผู้อื่น  หมั่นล้างมือบ่อยๆ กินร้อนช้อนกลาง หมั่นทำความสะอาดห้องน้ำ ชักโครก ลูกบิดประตู ด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ เสื้อผ้า หากภายใน14 วัน มีไข้ร่วมกับไอ จาม ให้รีบมาพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง

ในส่วนการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 COVID-19 หากเป็นผู้ที่เข้าข่ายสงสัยฯ ตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ให้ไปรับการตรวจที่ รพ.ตามสิทธิ (ไม่เสียค่าใช้จ่ายค่าตรวจ) หากยังไม่มีอาการใด ๆ หรืออาการไม่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์ ไม่แนะนำให้ไปตรวจเอง (หากอยากตรวจต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง) ทั้งนี้ ในกลุ่มที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่เข้าข่ายแต่เป็นผู้เดินทางมาจากประเทศที่เสี่ยง แม้จะตรวจไม่พบเชื้อ ในครั้งแรกขอให้สังเกตอาการป่วยอยู่ที่บ้าน/ที่พัก จนครบ 14 วัน