คอนโดติดรั้วมหา’ลัย สุดเฮง เศรษฐีเงินเย็นเหมาปล่อยเช่า

22 ก.พ. 2563 | 00:00 น.

สต๊อกคอนโดฯทะลัก 2 แสนหน่วย ในความมืดยังมีแสงสว่าง ทำเลติดรั้วมหาวิทยาลัยส้มหล่น เศรษฐีเงินเย็นไม่สะท้อนพิษเศรษฐกิจ-โคโรนา เหมายกชั้น ปล่อยเช่านักศึกษามหาวิทยาลัยดังทำกำไร ดีกว่าเล่นหุ้นฝากแบงก์ เผยพฤกษาแอล.พี.เอ็น.” เจ้าตลาด

ไตรมาสแรกปีนี้ทุกธุรกิจเติบโตลดลง โดยเฉพาะตลาดอสังหาริมทรัพย์ ต่างเผชิญปัจจัยลบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เงินบาทแข็งค่า กฎเหล็กการปล่อยสินเชื่อใหม่ แอลทีวี ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถล่มซํ้าด้วยไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ฉุดคนจีนหายวับ สอดรับกับสถิติสมาคมอาคารชุดไทยพบยอดซื้อคอนโดมิเนียมของ ลูกค้าจีนทั้งปีเมื่อปี 2562 เหลือเพียง 1.8 หมื่นล้านบาท ส่วนจะโอนกรรมสิทธิ์ได้ทั้งหมดหรือไม่ต้องติดตามการสรุปยอดจากกรมที่ดิน และคาดว่าไตรมาสแรกปีนี้กลุ่มคนจีนจะหายเพิ่มอีก 80-90% หรือเป็นศูนย์หากไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้

ขณะความกังวลของผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ กับสต๊อกคอนโด มิเนียมที่เหลือในมือกว่า 2 แสนหน่วย ซึ่งกระจายอยู่ในทำเลต่างๆ โดยเฉพาะแนวเส้นทางรถไฟฟ้า จะมีหนทางระบายออกอย่างไร เมื่อกำลังซื้อคนไทยมีไม่มาก ซํ้าร้ายยังถูกสถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อค่อนข้างสูงปีที่ผ่านมากว่า 40% สาเหตุมาจากหนี้ครัวเรือน และปีนี้ก็เช่นกัน

ในความมืดยังมีแสงสว่าง ทำเลที่อาจถูกมองข้ามนั่นคือ ทำเลติดรั้วมหาวิทยาลัย แต่การพัฒนาราคาต้องไม่สูงเกินไป ควรตํ่ากว่า 1 ล้านบาทต่อหน่วย หรือ 1 ล้านบาทต้นๆ ต่อหน่วย เพราะ 1. ผู้ปกครองสามารถซื้อให้บุตรหลาน เพื่อเรียนหนังสือ 2. นักลงทุนเศรษฐีเงินเย็นสามารถเหมาห้องปล่อยเช่าทำกำไร โดยประเมินว่าหากนำเงินฝากแบงก์ ได้ดอกเบี้ยไม่คุ้ม ลงทุนในหุ้นไม่ค่อยปลอดภัยแต่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างผลตอบแทนได้ สูงเฉลี่ยไมตํ่ากว่า 8-10% ขึ้นไป

คอนโดติดรั้วมหา’ลัย สุดเฮง เศรษฐีเงินเย็นเหมาปล่อยเช่า

ทั้งนี้ นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท แวลู บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) ยอมรับว่าโครงการคอนโดมิเนียมติดกับมหาวิทยาลัยค่อนข้างประสบความสำเร็จ โดยยกตัวอย่างโครงการพลัม 89 ทำเลติดถนนพหลโยธิน ย่านรังสิต จุดศูนย์รวมมหาวิทยาลัยดังอย่าง มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพ นอกจากนี้ยังมี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต อีกด้วย ปัจจุบันบริษัทสามารถขายได้เกือบหมดทั้งโครงการ จากทั้งหมดที่พัฒนาไมตํ่ากว่า 2,000 หน่วย เนื่องจากเป็นโครงการราคาค่อนข้างถูกขายตํ่ากว่า 1 ล้านบาทต่อหน่วยจึงกลายเป็นจุดสนใจ

 

มีกลุ่มนักลงทุน เศรษฐีเงินเย็น ผู้ไม่สะทกสะท้านกับภาวะเศรษฐกิจ เห็นโอกาสนำเงินฝากประจำ ออกมาซื้อห้องชุดรายละไมตํ่ากว่า 10-20 ห้อง นำไปปล่อยเช่าต่อให้กับนักศึกษาในอัตราค่าเช่าเดือนละ 7,000-10,000 บาท ภายในพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และปัจจุบันมีนักศึกษาให้ความสนใจเช่าอยู่เต็ม สำหรับราคาค่าเช่าระดับนี้ผู้ปกครองถือว่าไม่สูงเพียงต้องการให้บุตรหลานปลอดภัยอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยไม่ต้องเดินทาง

นายปิยะอธิบายต่อว่า เดิมทีบริษัทคาดหวังผู้ปกครองซื้อให้บุตรหลานแต่ปรากฏว่าส่วนใหญ่นิยมเช่า เพราะหากเรียน จบต้องย้ายออกจากพื้นที่ ส่วนอีกโครงการอยู่ย่านเพชรบุรี ใกล้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเช่นเดียวกัน ซึ่งได้มีนักลงทุนลักษณะเดียวกันเข้ามาซื้อในลักษณะเหมา เพื่อนำไปปล่อยเช่าต่อเช่นเดียวกัน ท่ามกลางวิกฤติย่อมมีโอกาส หากเลือกทำเลที่ดี ตอบโจทย์ ก็สามารถขายได้เกือบเต็มทั้งโครงการในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องมีรถไฟฟ้า เพราะนักศึกษาไม่ต้องการเดินทางไกล

 

สอดคล้องกับนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอป-เมนท์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บริษัทขาย โครงการแอล.พี.เอ็น.ทาวน์ชิป คอนโด รังสิต-คลอง 1 ไปแล้วกว่า 7,000 หน่วย คาดว่าปลายปีนี้สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทั้งหมด ส่วนอีกอาคารได้ปรับเป็น คอนโดฯเช่า ซึ่งทำเลรังสิตส่วนใหญ่เป็นแหล่งงานอุตสาหกรรม มีมหาวิทยาลัยหลายแห่ง

ส่งผลให้มีกลุ่มเศรษฐีเงินเย็นเหมาซื้อพื้นที่ห้องชุดไปปล่อยเช่าต่อ เนื่องจากราคาไม่แพง ขายตํ่ากว่า 1 ล้านบาท หรือราคาเพียง 6-7 แสนบาทต่อหน่วยเท่านั้น ที่สำคัญการเดินทางสะดวกสบาย มีรถไฟฟ้าสายสีแดง เส้นทางบางซื่อ-รังสิต ที่จะเปิดให้บริการในปี 2564

ด้านแหล่งข่าวจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ระบุว่ามหาวิทยาลัยเตรียมนำพื้นที่บริเวณด้านหลังกว่า 80 ไร่ พัฒนาโครงการมิกซ์ยูส พื้นที่พาณิชย์ ร้านค้า อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม รองรับนักศึกษา 

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,550 วันที่ 20-22 กุมภาพันธ์ 2563