คำต่อคำ “ธนาธร” หลังศาลวินิจฉัยพ้นส.ส.

20 พ.ย. 2562 | 10:16 น.

“ธนาธร”เปิดใจ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สิ้นสุดการเป็น ส.ส.ยันจะทำหน้าที่ต่อไป

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

      วันที่ 20 พ.ย.2562 ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปมถือหุ้นสื่อ บริษัทวีลัคมีเดีย ส่งผลให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และสิ้นสุดการเป็นส.ส.นั้น  นายธนาธร ได้เปิดเผยว่า วันนี้การพิพากษาคดีของผม คุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของผม ก็ได้ถึงที่สุดลงแล้ว ขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจ ที่ให้กำลังใจพวกเราทั้งทางบ้านและที่ศูนย์ราชการแห่งนี้


        ผมทราบซึ้งและขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้เรา ความคิดเห็นของผมที่มีต่อคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นความคิดเห็นของผมอย่างสุจริตใจ ศาลรัฐธรรมนูญได้ให้เหตุผลถึงการเป็นส.ส.ของผมไว้หลายข้อ ผมมีความคิดเห็นต่อคำวินิจฉัย ดังนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ อ้างถึงพรบ.การพิมพ์ว่ามีใบอนุญาตอยู่ ยังไม่ได้ยกเลิก ดังนั้นบริษัทวีลัคจะเริ่มต้นการเป็นสื่ออีกครั้งเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งศาลฯเองก็ยอมรับไปแล้วว่าบริษัทวีลัคไม่มีรายได้ ไม่มีบุคคลากร และเป็นบริษัทที่ปิดตัวลงแล้ว ความคิดเห็นของผมก็คือถ้าบริษัทวีลัคจะเป็นบริษัทสื่อจริงแล้วกลับมาทำอีกครั้ง ก็ค่อยไปตัดสินตอนนั้นสิครับ ทำไมถึงมาตัดสินตอนนี้ ทั้งๆ ที่ศาลเองก็ยอมรับแล้วว่าบริษัทนี้ไม่มีรายได้ ไม่มีพนักงาน และปิดตัวลงตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.


      ศาลยังพูดถึงเจตนารมณ์มาตรา 98(3)ว่าไม่ให้นักการเมืองให้คุณกับตัวเอง ให้โทษกับผู้อื่น แต่ศาลไม่ได้พูดเลยว่าผมและบริษัทวีลัค ได้มีการทำผิดเจตนารมณ์ใน มาตรา 98(3) หรือไม่ ในการพิจารณาว่าผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญว่าเป็นสื่อหรือไม่ ในคำพิพากษาของศาลฯ พูดถึงการจดแจ้งทะเบียนผู้ถือหุ้นใหม่ของบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์ หรือ บอจ.5 ผมเรียนอย่างนี้ บอจ.5 ตามกฎหมายแล้ว 1 ปี จะแจ้งเมื่อไหร่ก็ได้ แจ้งช้าแจ้งเร็ว ไม่ผิดกฎหมาย บริษัทวีลัคในวันนั้นไม่มีพนักงานแล้ว เอางานไปฝากคนอื่นทำ

 

      ตอนที่บริษัทวีลัคยังมีชีวิตอยู่ ยังประกอบกิจการอยู่ การแจ้งที่เกิน 2 เดือน 16 วัน ที่ใช้ในการจดแจ้ง บอจ.5 ว่ามีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นแล้วก็มีเหมือนกัน ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก สำคัญที่สุดหลังการประชุมผู้ถือหุ้นทุกคนเราถึงยื่น บอจ.5 ก็เป็นปกติเหมือนที่บริษัททำมาทุกครั้ง

การขึ้นเช็คช้ากว่าปกติ คุณรวิพรรณได้ชี้แจงชัดเจนแล้วว่าปกติคุณรวิพรรณได้ขึ้นเช็คให้กับผม วันนั้นลูกยังอ่อนอยู่ ศาลบอกว่าสามารถให้คนอื่นไปได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัว ผมให้ใครไปเป็นเรื่องของผม ที่ผ่านมาผมให้ภรรยาไปทุกครั้ง ธรรมเนียมปฏิบัติของครอบครัวผมคือให้ภรรยาไปคนเดียว เราเอาเช็คตัวจริงไปให้ กกต.ดูด้วย คุณรวิพรรณ พอรู้เรื่องว่าเรื่องนี้ใหญ่โต ก็ไม่กล้าไปขึ้นเช็ค เก็บเช็คไว้กับตัววันที่ผมไปให้การในชั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง 30 เม.ย.คุณรวิพรรณก็ให้ทนายความของพรรคถือเช็คนี้ไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้งไปให้ดูด้วยเป็นเช็คตัวจริง แต่เราส่งสำเนาไปในเอกสารแนบคดี แต่เจ้าหน้าที่กกต.เห็นเช็คจริงในวันที่ 30 เม.ย.ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมไปถึงช้า


 

  คำต่อคำ “ธนาธร” หลังศาลวินิจฉัยพ้นส.ส.

      ดังนั้นทุกท่านครับ ที่ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่ามีแต่สำเนาเรื่องเช็ค ตัวจริงก็มี กกต.ก็เห็น นอกจากนี้ กกต.ยังไม่ได้โต้แย้งเรื่องนี้ แปลว่าเขาเห็นจริง เรื่องต่อไปศาลพิพากษา เรื่องการตัดสินใจการลงทุน ผู้พิพากษาศาลทุกท่านไม่เคยเป็นนักธุรจกิจ จะใช้ว่าโครงการไหนน่าลงทุนหรือไม่คงจะไม่ถูกต้องนัก บุคคลแต่ละบุคคลมีรสนิยมการลงทุนต่างกัน ผู้เชี่ยวชาญ 100 คน มาตัดสินใจการลงทุนแบบเดียวกันไม่เหมือนกัน จะใช้มาตรฐานศาลมาตัดสินว่าคุณสมพรจะลงทุนในเรื่องใด เป็นเรื่องที่ผิดฝาผิดตัว การที่คุณสมพรโอนหุ้นกลับไปกลับมาให้กับคุณทวี มันไม่เกี่ยวอะไรกับความสมบูรณ์กับการโอนหุ้นในวันที่ 8 ม.ค.เลย มันเสร็จสมบูรณ์ด้วยตัวของมันเองไปแล้ว 

 

      สำหรับผมแล้วข้อสันนิษฐานที่ศาลยกขึ้นมาพิพากษา ทั้งหมดตั้งอยู่ในข้อสันนิษฐาน ไม่มีข้อเท็จจริงมาหักล้าง ศาลให้น้ำหนักกับข้อสันนิฐานมากกว่าข้อเท็จจริง ศาลให้น้ำหนักกับข้อสันนิษฐานของตัวเอง มากกว่าพยานหลักฐาน ข้อสังเกตุข้อสุดท้าย ไม่มีการบอกมติของการบอกองค์คณะตุลาการแต่อย่างใด นั่นคือความคิดเห็นของผมเกี่ยวกับการวินิฉัย

 

     พรรคอนาคตใหม่คือการเดินทาง การเดินทางไม่ได้สิ้นสุดลง ผมยังเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่มาให้กำลังใจในวันนี้

 

  คำต่อคำ “ธนาธร” หลังศาลวินิจฉัยพ้นส.ส.

      ข้อสังเกตของผม การอ่านคำวินิจฉัยวันนี้ไม่มีการบอกมติขององค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด แตกต่างจากคำวินิจฉัยคดีอื่นของศาลฯ แต่ละคดีที่ผ่านมา ความคิดเห็นของผมเกี่ยวกับคำวินิจฉัย ผมอยากเรียนประชาชนว่าพรรคอนาคตใหม่คือการเดินทาง การเดินทางยังไม่สิ้นสุด ผมยังเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พรรคอนาคตใหม่คือผู้คนที่สนับสนุน ที่มีความฝัน ความตั้งใจเหมือนกัน และจะก้าวเดินเหมือนกัน ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่มาให้กำลังใจ

 

      เรื่องความเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม ผมคิดว่าให้ประชาชนตัดสินใจเองจะดีที่สุด ลองฟังความแถลงความคิดเห็นของผมกับคำที่ศาลแถลง แล้วให้ประชาชนตัดสินเองดีกว่า จากนี้ผมก็ทำงานต่อ ยังเป็นหัวหน้าพรรค ยังต้องทำงาน การรณรงค์ต่างๆ การเลือกตั้ง 24 มีนาคม ไม่ใช่สมรภูมิเดียว พรรคอนาคตใหม่คือการเดินทาง ยังต้องผ่านการเลือกตั้งอีกเยอะ ที่สำคัญผมยังเป็นเคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่


      เรื่องการยุบพรรคผมคิดว่าอย่าไปกังวลเรื่องการยุบพรรค เรามีความจำเป็นที่ต้องทำงานที่เป็นผลประโยชน์กับประชาชน สนใจกับงานที่เป็นประโยชนก์กับประชาชน แล้วให้พี่น้องประชาชนตัดสินเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีความเป็นธรรมกับเราหรือไม่