หุ้นไทยปิดลบ 11.06 จุด นักลงทุนกังวลประท้วงในฮ่องกงบานปลาย สงครามการค้าสหรัฐกับจีนไม่ชัดเจน และราคาหุ้น STEC กระทบบรรยากาศโดยรวม ด้าน ACE เทรดวันแรก วอลุ่มพุ่งอันดับ 1
ตลาดหุ้นไทยวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังนักลงทุนกังวลการประท้วงในฮ่องกงบานปลาย รวมถึงสงครามการค้าสหรัฐกับจีนยังไม่มีความชัดเจน นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC) ที่ปรับลดลง ยังกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวม ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,615.14 จุด ลดลง 11.06 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.68% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 52,455.95 ล้านบาท ขณะที่ ระหว่างวันดัชนีสูงสุดของวันอยู่ที่ 1,627.45 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,610.93 จุด
สำหรับราคาหุ้นบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC) หลังจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ 4 ราย กรณีร่วมกันเรียกรับเงินจํานวน 20,000,000 บาท จากบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่รับว่าจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช และชี้มูลความผิด STEC รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอีกสองราย ราคาปิดที่ 14.40 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 19.55% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 3,590.02 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 2 โดยระหว่างวันราคาสูงสุดอยู่ที่ 18.20 บาท และต่ำสุดอยู่ที่ 13.80 บาท
ขณะที่ ราคาหุ้นบริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) (ACE) ที่เปิดซื้อขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) เป็นวันแรก ราคาเปิดอยู่ที่ 4.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 2.27% จากราคาไอพีโอที่ 4.40 บาท โดยราคาปิดอยู่ที่ 4.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท หรือ 5.45% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5,611.80 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 1 ส่วนระหว่างวันราคาสูงสุดอยู่ที่ 5.05 บาท และต่ำสุดอยู่ที่ 4.48 บาท
หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
ACE ปิดที่ 4.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,611.80 ล้านบาท
STEC ปิดที่ 14.40 บาท ลดลง 3.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,590.02 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 79.00 บาท ลดลง 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,754.25 ล้านบาท
AOT ปิดที่ 78.25 บาท ลดลง 1.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,712.52 ล้านบาท
BDMS ปิดที่ 24.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,579.44 ล้านบาท