โมโนยันข่าว‘แจส’ไม่กระทบธุรกิจ ชี้เป้าสิ้นปีโต100%จ่อขึ้นแท่นอันดับ3
โมโน ย้ำข่าวแจส โมบาย ไม่ส่งผลกระทบธุรกิจ มั่นใจสิ้นปีรายได้เติบโต 100% หรือ 1.5 พันล้าน หวังไต่ขึ้นอันดับ 3 ล่าสุดหั่นงบการตลาดลง 50% หันมุ่งเน้นกลยุทธ์ด้านมีเดีย พาร์ตเนอร์ ทดแทน คาดอุตสาหกรรมสิ้นปีโต 5% หวั่นช่องข่าวกระทบหนักสุดวอนกสทช.เร่งปรับลดสัดส่วน
[caption id="attachment_41712" align="aligncenter" width="335"]
นวมินทร์ ประสพเนตร
ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด
บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)[/caption]
นายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีกระแสข่าวของบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ที่ผ่านมาไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อภาพรวมธุรกิจโมโน เนื่องจากเป็นคนละนิติบุคคล ขณะเดียวกันค่อนข้างมั่นใจว่ากลุ่มธุรกิจทีวีดิจิตอลจะเติบโตได้ดี โดยภายในสิ้นปี 2559 ตั้งเป้าการเติบโตของกลุ่มธุรกิจทีวีดิจิตอลเพิ่มขึ้นกว่า 100% หรือประมาณ 1.5 พันล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้เพียง 600 ล้านบาทเท่านั้น
“จากการสำรวจเรตติ้งช่องโมโนที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2559 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเติบโตกว่า 100% และมั่นใจว่าในทุกไตรมาสของปีนี้จะเติบโตเช่นนี้ต่อเนื่องกันไป อีกทั้งในปัจจุบันโมโนมีเรตติ้งขึ้นเป็นอันดับ 4 ของช่องทีวีดิจิตอลแล้ว โดยสิ้นปีนี้เชื่อว่าจะสามารถผลักดันเรตติ้งช่องให้ขึ้นเป็นอันดับ 3 ”
นอกจากนี้บริษัทเตรียมสร้างทีมบุคลากรผลิตละคร ซีรีส์รูปแบบแอกชันมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับคาแรกเตอร์ของช่องโมโน 29 ซึ่งเป็นช่องทีวีเฉพาะกลุ่มสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบการดูภาพยนตร์ ซีรีส์ และละครในรูปแบบแอกชัน เนื่องจากเล็งเห็นช่องว่างการตลาดทีวีในประเทศไทยที่ยังไม่มีผู้ประกอบการใดที่เน้นคอนเทนต์สไตล์นี้ ทั้งยังพบว่าคอนเทนต์ดังกล่าวเป็นคอนเทนต์ที่มีผู้ชมกลุ่มใหญ่ให้ความสนใจ
ช่วงเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมาได้ทดลองตลาดทีวีมาระยะหนึ่งจนถึงปัจจุบัน บริษัทสามารถคาดเดาทิศทางที่จะไปได้แม่นยำมากขึ้น นั่นคือการเป็นช่องโทรทัศน์ประเภทภาพยนตร์ ซีรีส์ ละครแอกชัน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ทดลองผลิตละครเรื่องตี๋ใหญ่ ดับดาวโจร ออกอากาศผ่านช่องโทรทัศน์ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์เวลา 20.30 น. ค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดีและสามารถทำเรตติ้งละครไทยของโมโนเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ขณะที่ปัจจุบันมีเรตติ้งรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 0.48
ส่วนแผนการตลาดปีนี้จะลดลงจากปีก่อนกว่า 50% โดยจะใช้งบประมาณอยู่ที่ 40-50 ล้านบาท เน้นขยายฐานกลุ่มผู้ชมต่างจังหวัด พร้อมทั้งวางแผนใช้กลยุทธ์การจับมือร่วมกับมีเดียพาร์ตเนอร์ให้มากขึ้น ขณะที่การตลาดในรูปแบบสร้างภาพลักษณ์บริษัทจะไม่เน้นมากเทียบเท่ากับปีก่อน เนื่องจากเชื่อว่าปัจจุบันทั่วประเทศรับรู้แล้วว่าช่องโมโนมีคาแรกเตอร์ช่องแบบใด
ด้านภาพรวมอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลในปีนี้บริษัทคาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นราว 5% และจะเริ่มเห็นความชัดเจนของผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิตอลมากขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสายป่านด้านการลงทุนยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจนี้ ขณะเดียวกันบริษัทยังค่อนข้างกังวลสำหรับช่องทีวีดิจิตอลกลุ่มหมวดหมู่ข่าวสารอย่างมาก เนื่องจากช่องทีวีทุกช่องมีรายการข่าวสอดแทรกอยู่ในผังทั้งหมด อีกทั้งยังมีการจัดแพ็กเกจการขายโฆษณารวมอยู่ในแพ็ก ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่ต้องเลือกช่อง SD และ HD มากกว่าแน่นอน ทั้งนี้หาก กสทช.ยังไม่ปรับสัดส่วนรายการข่าวของช่อง SD และ HD ลง อนาคตช่องข่าวจะอยู่ลำบากมากขึ้น
อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อว่าสื่อทีวียังเป็นสื่อหลักที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ โดยสังเกตจากตลาดในประเทศอเมริกา และเกาหลี เป็นต้น แม้ว่าจะมีการเติบโตด้านการใช้สื่อออนไลน์มากเพียงใด แต่การรับชมทีวีก็ยังมีสัดส่วนสื่อมากกว่า นอกจากนี้ด้านการชำระเงินประมูลงวดที่ 3 บริษัทยืนยันพร้อมชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอลแน่นอนจำนวน 412 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,144
วันที่ 31 มีนาคม - 2 เมษายน พ.ศ. 2559
[caption id="attachment_41712" align="aligncenter" width="335"]
ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด
บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)[/caption]
นายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีกระแสข่าวของบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ที่ผ่านมาไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อภาพรวมธุรกิจโมโน เนื่องจากเป็นคนละนิติบุคคล ขณะเดียวกันค่อนข้างมั่นใจว่ากลุ่มธุรกิจทีวีดิจิตอลจะเติบโตได้ดี โดยภายในสิ้นปี 2559 ตั้งเป้าการเติบโตของกลุ่มธุรกิจทีวีดิจิตอลเพิ่มขึ้นกว่า 100% หรือประมาณ 1.5 พันล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้เพียง 600 ล้านบาทเท่านั้น
“จากการสำรวจเรตติ้งช่องโมโนที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2559 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเติบโตกว่า 100% และมั่นใจว่าในทุกไตรมาสของปีนี้จะเติบโตเช่นนี้ต่อเนื่องกันไป อีกทั้งในปัจจุบันโมโนมีเรตติ้งขึ้นเป็นอันดับ 4 ของช่องทีวีดิจิตอลแล้ว โดยสิ้นปีนี้เชื่อว่าจะสามารถผลักดันเรตติ้งช่องให้ขึ้นเป็นอันดับ 3 ”
นอกจากนี้บริษัทเตรียมสร้างทีมบุคลากรผลิตละคร ซีรีส์รูปแบบแอกชันมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับคาแรกเตอร์ของช่องโมโน 29 ซึ่งเป็นช่องทีวีเฉพาะกลุ่มสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบการดูภาพยนตร์ ซีรีส์ และละครในรูปแบบแอกชัน เนื่องจากเล็งเห็นช่องว่างการตลาดทีวีในประเทศไทยที่ยังไม่มีผู้ประกอบการใดที่เน้นคอนเทนต์สไตล์นี้ ทั้งยังพบว่าคอนเทนต์ดังกล่าวเป็นคอนเทนต์ที่มีผู้ชมกลุ่มใหญ่ให้ความสนใจ
ช่วงเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมาได้ทดลองตลาดทีวีมาระยะหนึ่งจนถึงปัจจุบัน บริษัทสามารถคาดเดาทิศทางที่จะไปได้แม่นยำมากขึ้น นั่นคือการเป็นช่องโทรทัศน์ประเภทภาพยนตร์ ซีรีส์ ละครแอกชัน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ทดลองผลิตละครเรื่องตี๋ใหญ่ ดับดาวโจร ออกอากาศผ่านช่องโทรทัศน์ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์เวลา 20.30 น. ค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดีและสามารถทำเรตติ้งละครไทยของโมโนเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ขณะที่ปัจจุบันมีเรตติ้งรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 0.48
ส่วนแผนการตลาดปีนี้จะลดลงจากปีก่อนกว่า 50% โดยจะใช้งบประมาณอยู่ที่ 40-50 ล้านบาท เน้นขยายฐานกลุ่มผู้ชมต่างจังหวัด พร้อมทั้งวางแผนใช้กลยุทธ์การจับมือร่วมกับมีเดียพาร์ตเนอร์ให้มากขึ้น ขณะที่การตลาดในรูปแบบสร้างภาพลักษณ์บริษัทจะไม่เน้นมากเทียบเท่ากับปีก่อน เนื่องจากเชื่อว่าปัจจุบันทั่วประเทศรับรู้แล้วว่าช่องโมโนมีคาแรกเตอร์ช่องแบบใด
ด้านภาพรวมอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลในปีนี้บริษัทคาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นราว 5% และจะเริ่มเห็นความชัดเจนของผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิตอลมากขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสายป่านด้านการลงทุนยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจนี้ ขณะเดียวกันบริษัทยังค่อนข้างกังวลสำหรับช่องทีวีดิจิตอลกลุ่มหมวดหมู่ข่าวสารอย่างมาก เนื่องจากช่องทีวีทุกช่องมีรายการข่าวสอดแทรกอยู่ในผังทั้งหมด อีกทั้งยังมีการจัดแพ็กเกจการขายโฆษณารวมอยู่ในแพ็ก ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่ต้องเลือกช่อง SD และ HD มากกว่าแน่นอน ทั้งนี้หาก กสทช.ยังไม่ปรับสัดส่วนรายการข่าวของช่อง SD และ HD ลง อนาคตช่องข่าวจะอยู่ลำบากมากขึ้น
อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อว่าสื่อทีวียังเป็นสื่อหลักที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ โดยสังเกตจากตลาดในประเทศอเมริกา และเกาหลี เป็นต้น แม้ว่าจะมีการเติบโตด้านการใช้สื่อออนไลน์มากเพียงใด แต่การรับชมทีวีก็ยังมีสัดส่วนสื่อมากกว่า นอกจากนี้ด้านการชำระเงินประมูลงวดที่ 3 บริษัทยืนยันพร้อมชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอลแน่นอนจำนวน 412 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,144
วันที่ 31 มีนาคม - 2 เมษายน พ.ศ. 2559