คอลัมน์อยู่บนภู ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3507 ระหว่างวันที่ 22-25 ก.ย.2562 โดย...กระบี่เดียวดาย
"อุตตม-สมคิด" ก้นร้อน
ดันฐานราก "ประชารัฐสร้างไทย"
หลังจากปิดเทอมสภาผู้แทนราษฎรจากวันที่ 18 ก.ย.เป็นต้นมาเป็นเวลา 1เดือนเศษจากนี้ไป ครม.เสียงปริ่มน้ำรัฐบาลลุงตู่ คงหายใจคล่องขึ้นเล็กน้อย ไม่ต้องมาลุ้นแพ้โหวตทุกวันพุธ-พฤหัสไปชั่วคราว มาลุ้นอีกที พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่จะเข็นเข้าสู่สภาฯในการเปิดประชุมสมัยวิสามัญวันที่ 17-18 ต.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นไฟต์บังคับต้องผ่าน ถ้าไม่ผ่านรัฐบาลม้วนเสื่อตั้งแต่ต้นมือ
ต้องยอมรับว่าโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลวันนี้อยู่ที่เศรษฐกิจ หลังจากประสบปัญหาอันเป็นผลพวงมาจากหลายประการ โดยเฉพาะปัจจัยใหญ่จากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน อันส่งผลให้การส่งออกหดตัวลงในช่วง 8เดือนแรกของปีนี้ลดลงไป 2.2 % หมายถึงเม็ดเงินที่จะหมุนเวียนเข้ามาหดหายไปรวมทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นก็จะยิ่งหดหายลงไปอีก
ประการถัดมาที่เป็นปัญหาสำคัญและแก้ไม่ตก เป็นปัญหาจากการเปลี่ยนผ่านระบบเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ความไม่พร้อมของผู้ผลิต ผู้ค้า ในทุกภาคส่วนในการเข้าสู่การเปลี่ยนผ่าน จึงถูกสึนามิดิจิทัลโถมทำลาย หลายธุรกิจถูก Disrupt ไปทั้งวงจร
ปัญหานี้ถูกส่งผ่านลงลึกสู่ฐานราก อย่างไม่อาจระงับยับยั้ง ไม่อาจโทษว่าคนใด คนหนึ่งโดยตรง แต่เป็นปัญหาร่วมที่ต้องร่วมมือกันในการแก้ไข
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีคลัง ทราบเรื่องนี้ดีว่าโจทย์ใหญ่อยู่ที่ต้องพลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานราก ดูแลคนเล็กคนน้อยโดยเร็ว พร้อมกับการสร้างฐานราก ถึงกับก้นร้อนนั่งไม่ติด ต้องลุกมาจัดทำโครงการประชารัฐสร้างไทยโดยเร่งด่วน
“ด้วยแขนขาที่ตีบตันของสมคิด ไม่ได้ดูเศรษฐกิจเบ็ดเสร็จทั้งหมดโดยตรง จึงต้องอาศัยขุมข่ายที่ตนเองมีทั้งกองทุนหมู่บ้าน กระทรวงอุตสาหกรรม พลังงาน คลังให้เร่งขับเคลื่อโครงการประชารัฐสร้างไทยให้ได้โดยเร็ว โครงการนี้เป็นเรือธงของสมคิด อุตตม ที่หวังจะขับเคลื่อนสร้างชื่อฝากฝีมืออีกครั้งและต้องมีผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว”
โครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ของรัฐบาลในการฟื้นเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้แนวทางพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน เหมือนที่ประเทศจีนดำเนินนโยบาย โดยเริ่มจากการเข้าไปรับฟังปัญหา และความต้องการของชุมชนในท้องถิ่น จากนั้นให้หน่วยงานรัฐทุกแห่งร่วมมือกันเข้าไปช่วยกันแก้ปัญหา โดยใช้ความต้องการชุมชนเป็นโจทย์ และจะทำแบบองค์รวม ร่วมมือกันทำทั้งระบบ ไม่แยกกันเหมือนที่ผ่านมา
“หากขาดแคลนเงินแบงก์รัฐจะไปช่วย แต่หากขาดที่ดินให้กรมธนารักษ์จัดที่ราชพัสดุให้เช่า หรือขาดความรู้เรื่องการเงินให้ส่งเจ้าหน้าที่คลังให้ความรู้ หากเป็นชุมชนที่มีปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ ก็ให้ร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมนำนวัตกรรมมาช่วยพัฒนาการผลิต ให้สินค้าน่าสนใจ เพื่อส่งออกขายทั่วประเทศ หรือส่งออกไปต่างประเทศ และขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มาช่วยโปรโมทพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนด้วย ซึ่งโครงการนี้จะทำแบบระยะยาวเพื่อพลิกให้คนไทยพ้นจน”อุตตม สาวนายน ตั้งเป้าหมายเอาไว้
วันที่ 21 ก.ย.ดีเดย์เริ่มยุทธศาสตร์ใหม่นี้ ในการดันเศรษฐกิจฐานราก ยึดโยงปัญหาและพื้นที่ มีหน่วยงาน ธ.ก.ส. ออมสิน กรุงไทย กองทุนหมู่บ้าน เอสเอ็มอีแบงก์ กรมส่งเสริมอุตฯ ธนารักษ์ กกร. หอการค้า สภาเกษตรกรแห่งชาติร่วมขับเคลื่อน
“ประชารัฐสร้างไทย”จะเป็นโมเดลใหม่ ในการสร้างรายได้ให้ชุมชน ทั้งผลิตและท่องเที่ยว การตลาด ทำอย่างจริงจังทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ในอนาคตจะดึงส่วนงานของตลาดทุนเข้ามาช่วยสร้างโอกาสให้คนตัวเล็กได้มีโอกาสเติบโตเชื่อมโยงกับตลาดทุนด้วย
เป็นความฝัน เป็นมิติใหม่ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากที่อ่อนล้าเต็มที เป็นโมเดลใหม่ที่จะเป็นความหวังใหม่ในการต่อสู้กับเสียงสบประมาทรอบทิศ
คิกออฟไปแล้ว ต้องติดตามใกล้ชิด ประชารัฐสร้างไทย จะเป็นฝันลมๆแล้งๆหรือไม่
หรือฝันจะกลับกลายเป็นจริง มีงาน มีอาชีพ หลุดพ้นยากจนเสียที...