อี-คอมเมิร์ซอินโดฯเดือด บ.ท้องถิ่น-ต่างชาติผนึกแอพเรียกมอเตอร์ไซค์-แท็กซี่

01 เม.ย. 2559 | 02:00 น.
ลิปโป้ กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่อินโดนีเซียที่เคยประมูลซื้อบริษัท เอฟแอนด์เอ็นฯ แข่งกับ “เจ้าสัวเจริญ” ค่ายเบียร์ช้าง รุกธุรกิจอี-คอมเมิร์ซทั้งค้าส่งและค้าปลีก ล่าสุดร่วมทุนแอพ แกร็บแท็กซี่ เพื่อใช้รถมอเตอร์ไซค์และแท็กซี่รับส่งสินค้าอี-คอมเมิร์ซ สู้กับเว็บไซต์ญี่ปุ่นและจีนที่ร่วมกับบริษัทแอพเรียกมอเตอร์ไซค์ท้องถิ่นไปแล้ว

หนังสือพิมพ์จาการ์ตาโพสต์รายงาน ลิปโป้ รุกเข้าสู่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซค้าส่ง (B2B) โดยเปิดเว็บไซต์ Mbiz.co.id เพื่อเป็นแหล่งซื้อสินค้าของกับหน่วยงานรัฐบาลและธุรกิจ โดยนายเอเดรียน ซูเฮอร์แมน (Adrian Suherman) ซีอีโอของ ลิปโป้ดิจิตอลกรุ๊ป กล่าวว่าเว็บไซต์ที่เปิดขึ้นเป็นแพลตฟอร์มใหม่สำหรับการค้าส่งแบบธุรกิจกับธุรกิจโดยจะมีการรวบรวมซัพพลายเออร์ทั้งหมดมาอยู่ในที่เดียวกัน

นายเอเดรียน กล่าวว่า Mbiz ขายสินค้ามากกว่า 12 หมวดทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ในสำนักงาน เครื่องจักรกลหนัก สินค้าเกษตร บรรจุภัณฑ์ รวมทั้งบริการซ่อมบำรุงสำหรับธุรกิจและหน่วยงานราชการ

การรุกเข้าสู่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซค้าส่ง ทำให้กลุ่มลิปโป้กลายเป็น บริษัทอี-คอมเมิร์ซเต็มรูปแบบของอินโดนีเซีย โดยก่อนหน้านี้สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่าว่านายจอห์น ไรอาดี้ (John Riady) หลานของมอคตาร์ ไรอาดี้ ผู้ก่อตั้งกลุ่มลิปโป้ ลงทุน 500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 18,000 ล้านบาท) ในกิจการอี-คอมเมิร์ซค้าปลีกที่มีชื่อว่า MatahariMall ขายสินค้าออนไลน์คู่ขนานกับเครือข่ายห้างสรรพสินค้า Matahari ที่ครอบครัวเป็นเจ้าของ

กลุ่มลิปโป้ นอกจากเครือข่ายห้างสรรพสินค้าแล้วยังเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารและการเงิน บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ สื่อทั้งหนังสือพิมพ์และเคเบิลทีวี

บลูมเบิร์ก ระบุว่าลิปโป้ได้ร่วมลงทุนกับ แกร็บแท็กซี่ ซึ่งมีทั้งบริการแอพเรียกทั้งแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์ เพื่อใช้เป็นเครือข่ายขนสินค้าให้กับเว็บอี-คอมเมิร์ซของกลุ่ม และรับมือกับการแข่งขันธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้น
ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ของอินโดนีเซีย แม้ว่าราคูเทน จากญี่ปุ่นจะปิดตัวธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ไปแล้วแต่ยักษ์ใหญ่จากจีน คือ เจดี.คอม อี-คอมเมิร์ซ ใหญ่อันดับ 2 จากจีนรองจากอาลีบาบา เข้าสู่สนามแข่งขันในอินโดนีเซียแล้วและคู่แข่งจากญี่ปุ่นรายอื่นยังอยู่

Mr. Ridzki Kramadibrata ผู้อำนวยการบริหารของบริษัท แกร็บอินโดนีเซียฯ กล่าวว่า ความเร็วเป็นหัวใจของธุรกิจนี้ “คุณจะต้องสามารถทำงานหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน มิฉะนั้นคุณจะเสียโอกาสทางธุรกิจได้”

เว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซ MatahariMall เปิดให้ลูกค้าซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์และสามารถที่รับสินค้าได้ที่สาขาของห้างหรือส่งสินค้าให้ที่บ้าน โดยขณะนี้คู่แข่งคือ Tokopedia ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ แอพจองมอเตอร์ไซค์รับจ้างชื่อ Go-Jek ในเรื่องของการส่งสินค้าแล้ว

แกร็บแท็กซี่ เป็นแอพเรียกแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีจุดกำเนิดในมาเลเซียและขยายเข้าสู่ประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน โดยโมเดลธุรกิจในมาเลเซียและอินโดนีเซียนั้นนอกจากจะขนส่งผู้โดยสารแล้วยังบริการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ เช่นเดียวกับ Go-Jek ซึ่งเป็นแอพเรียกมอเตอร์ไซค์กำเนิดขึ้นในอินโดนีเซียและมีบริการครอบคลุมการขนส่งด้วย

ทางด้านเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซ Tokopedia มีซอฟต์แบงก์กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นและ Sequoia Capital เวนเจอร์แคปิตอล จากสหรัฐอเมริกาหนุนอยู่

นายจอห์น ไรอาดี้ ออกแถลงการณ์ว่า “ความคุ้นเคยกับตลาดอินโดนีเซีย จะช่วยให้เราสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ ลูกค้าไม่ว่าอยู่ที่แห่งใดในอินโดนีเซียจะได้รับสินค้าที่สั่งซื้อออนไลน์ได้สะดวกที่สุดไม่ว่าจะรับเองหรือส่งให้ที่บ้าน”

บลูกเบิร์กระบุว่า การที่แกร็บเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับลิปโป้ จะทำให้แกร็บ ซึ่งเป็นบริการแอพเรียกแท็กซี่แข่งกับอูเบอร์ และแอพเรียกมอเตอร์ไซค์แข่งกับ Go-Jek ได้เปรียบคู่แข่ง โดยขณะนี้แกร็บแท็กซี่ ครองตลาดในอินโดนีเซียจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ไปแล้ว 30 % และจนถึงเดือนมีนาคมครองตลาดแอพเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปแล้ว 50 %

รายงานข่าวระบุว่า การรุกเข้าสู่ธุรกิจฐานดิจิตอลของลิปโป้ สอดคล้องกับแนวโน้มการทำธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยีเกิดใหม่ในอาเซียน ซึ่งเป็นการสร้างธุรกิจจากกระแสการเพิ่มขึ้นของรายได้ประชากรและการเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน ที่ขยายตัวอย่างมากในภูมิภาคนี

บริษัท Bain & Co และกูเกิล ออกรายงานระบุว่ามีประชากร 250 ล้านคนที่ใช้สมาร์ทโฟนและมี 100 ล้านคนที่ทำธุรกิจต่าง ๆ ผ่านระบบออนไลน์ ในอาเซียนโดยรายงานดังกล่าวทำนายว่าการซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ในภูมิภาคนี้จะเพิ่มขึ้นจาก 6,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 216,000 ล้านบาท) เป็น 70,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.52 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2563

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,144
วันที่ 31 มีนาคม - 2 เมษายน พ.ศ. 2559